ศาลไม่อนุญาตให้ “เปรมชัย” ถอดกำไล EMหลังอ้างรัดข้อเท้าจนทำให้มีปัญหากับสุขภาพเนื่องจากพบว่าขาอักเสบอยู่คนละข้างกับขาที่ติดกำไลราชทัณฑ์ ขณะที่ “สมศักดิ์” ยืนยัน ได้ผลดีผู้ต้องหาที่สวมใส่ มีวินัยมากขึ้น
เมื่อวันที่ 13 มกราคม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัดมหาชน จำเลยในคดีร่วมกันล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เดินทางมาศาลจังหวัดทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมกับทีมทนายความ
ซึ่งการแต่การเดินทางมาในวันนี้ไม่ได้มารายงานตัวตามที่ศาลนัดเอาไว้แต่อย่างใด เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 4 คนข้างต้น ได้เดินทางมารายงานตัวก่อนล่วงหน้าแล้ว โดยการเดินทางมาของนายเปรมชัย ในวันนี้ก็เพื่อยื่นคำร้องให้ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิจารณาอนุญาตให้ถอดกำไล EM ออกจากข้อเท้าด้านขวา โดยให้เหตุผลว่ากำไล EM นั้นทำให้เกิดบาดแผลที่ข้อเท้า จึงหวั่นเกรงว่าจะมีอันตรายเนื่องจากนายเปรมชัย ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิได้ใช้ดุลยพินิจแล้ว เห็นว่าแผลนั้นเกิดขึ้นที่ข้อเท้าซ้าย ไม่เกี่ยวข้องกับกำไล EM ที่สวมเอาไว้ที่ข้อเท้าด้านขวา ดังนั้นศาลจังหวัดทองผาภูมิ จึงไม่อนุญาตให้ถอดกำไล ซึ่งการพิจารณาของศาลใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็แล้วเสร็จ
จากนั้นนายเปรมชัย ก็เดินทางกลับ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงสุขภาพของนายเปรมชัยว่า อาการเป็นอย่างไรบ้าง โดยนายเปรมชัย ได้ตอบเพียงสั้นๆว่า “ก็เรื่อยๆ”
ทั้งนี้นายวิทูล ยิ้มพราย ทนายความส่วนตัวของนายเปรมชัย สาเหตุที่เดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการขอให้ศาลอนุญาตให้ถอดกำไล EM ออกจากข้อเท้า เนื่องจากคุณเปรมชัยป่วยเป็นโรคเบาหวาน มีแผลอักเสพที่ข้อเท้าด้านซ้าย ซึ่งแพทย์ผู้รักษาเกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบถึงชีวิต แต่ศาลมองว่าแผลที่เป็นนั้นอยู่ที่ข้อเท้าด้านซ้าย ไม่เกี่ยวกันกับข้อเท้าด้านขวาที่สวมใส่กำไล EM เมื่อศาลท่านไม่อนุญาตให้ถอดกำไล เราก็พร้อมที่จะยอมรับ
วันเดียวกันมีการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีกระทู้ถามจากนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา เรื่อง ปัญหาคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องติดตามตัวอิเลกทรอนิกส์ หรือ กำไลอีเอ็ม ถึงการตรวจสอบมาตรฐานการใช้งานกำไลอีเอ็มของภาครัฐ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นผู้ตอบกระทู้ดังกล่าว
นายสมศักดิ์ ตอบกระทู้ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำสัญญาชุดใหม่ ที่ต้องผ่านความเห็นชอบของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยมีรายละเอียดตามหลักสากล คือใส่บริเวณข้อเท้า ไม่สามารถถอดออกได้ ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ รองรับการทำงานเครือข่าย 3 จีขึ้นไป สามารถทดลองใช้ติดต่อในพื้นที่ทุรกันดารของประเทศได้
“ในอนาคตเราจะลดจำนวนคนในเรือนจำโดยการใช้กำไลอีเอ็ม ตั้งเป้าไว้ที่จำนวนหลักหมื่นถึงหลักแสน โดยปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ใชกำไลอีเอ็ม 3,333 คน ผู้ถูกคุมความประพฤติ 3,200 คน และนักโทษ 105 คน ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ โดยหลังจากใช้กำไลอีเอ็มคน 3 กลุ่มนี้ถูกประเมินผลจากศาล พร้อมกับคนในครอบครัวและชุมชนว่า ผลประเมินออกมาดีขึ้น คือผู้ต้องหาที่ใส่มีวินัยดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการทำผิดซ้ำได้ ทำให้สังคมรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น”รมว.ยุติธรรมระบุ และว่าขณะนี้มีผู้ใส่กำไลอีเอ็มแล้วหลบหนีปัจจุบันมีจำนวน 47 ราย มีเจตนาหลบหนีโดยชัดเจน 8 ราย มีเจตนาฝ่าฝืนเงื่อนไข 39 ราย ซึ่งทางศาลได้ออกหมายจับ และดำเนินคดีแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี