22 มกราคม 2563 นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)  เปิดเผยหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูง ของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่าที่ประขุมหารือถึงการตรวจราชการภารกิจของสพฐ. ตามนโยบาย ซึ่งมีหลายเรื่อง ทั้งภาษาอังกฤษ โรงเรียนขนาดเล็ก ว่ามีปัญหาอะไรบ้างและจะสนับสนุนอะไรเพิ่มเติม และประเด็นที่สำคัญที่หารือ คือคะแนนผลการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA ซึ่งได้มีการวิเคราะห์ถึงผลคะแนนที่ออกมาว่าเกิดจากอะไร ซึ่งผลการวิเคราะห์หนึ่งที่สำคัญมาก และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง คือการที่เด็กได้คะแนนต่ำนั้นไม่ได้เกิดจากเด็กเราสติปัญญาด้อย

แต่วิเคราะห์แล้วพบว่าสิ่งที่เราใช้ในการสอนเด็ก เช่น บทอ่านในประเทศไทย กับบทอ่านที่ PISA ใช้ในการประเมินพบว่ามีระดับแตกต่างกันค่อนข้างมาก ในเรื่องความยาวของบทอ่าน ซึ่งเราชอบให้เด็กอ่านบทสั้นๆ แล้วตอบคำถาม แต่บทอ่านที่ PISA ใช้ในการประเมิน ความยาวและเพิ่มตามระดับของช่วงวัย อย่างที่สอง คือความยากง่ายของการอ่าน ซึ่งของเราจะให้บทอ่านง่ายๆ สั้นๆ แล้วให้เด็กตอบ แต่ของพิซ่า จะเป็นบทอ่านที่วางระดับเนื้อหาที่มีความยาก ง่าย ของการใช้ การคิด วิเคราะห์ ซ่อนอยู้ในบทอ่าน ดังนั้นบทอ่านจึงมีความยากขึ้นเลื่อยๆและเป็นไปตามสถานการณ์โลกปัจจุบัน ขณะที่ของไทยเราจะเป็นบทอ่านที่เป็นเรื่องง่ายๆ และไม่ค่อยใช้ความคิดเท่าไหร่

“ตรงนี้จะนำไปสู้ข้อเสนอที่ สพฐ.จะต้องทบทวนบทเรียน หนังสือเรียนของเราทั้งหมดที่จะนำมาใช้ให้สอดคล้อง และจะต้องนำไปสู่คำถามในอนาคตได้ โดยเฉพาะบทอ่านภาษาอังกฤษ  ซึ่งต้องนำไปสู่การตั้งคำถามระดับสูงได้ จะขอให้ ศูนย์ PISA สพฐ ไปวิเคราะห์ในส่วนนี้ด้วย เช่น การตรวจประเมินความเหมาะสม ของการใช้หนังสือเรียน จะไม่ประเมินแค่ความถูกต้อง แต่ต้องดูระดับของหนังสือทั้งการอ่าน แบบฝึกหัดสร้างทักษะให้เด็กหรือไม่ ดังนั้น เราต้องปรับเรื่องนี้ครั้งใหญ่ ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับหลักสูตรด้วย เพื่อให้เด็กได้เปิดประสบการณ์ในการอ่านที่ลึกซึ้งและกว้างขวางมากขึ้น และยาวขึ้น รวมถึงรูปแบบของการตั้งคำถาม ก็จะต้องยากขึ้น ให้เด็กได้คิด สรุป การเชื่อมโยง และการเทียบเคียง รูปแบบของการตั้งคำถามก็ต้องเปลี่ยนเริ่มตั้งแต่ป.1ป.2ป.ป.3 ไม่ใช่มาเร่งตอน ม.2 ม.3 ช่วงที่จะสอบพิซ่า ซึ่งไม่ได้ผล จะต้องไล่ระดับตั้งแต่เด็กเล็กขึ้นมา” นางวัฒนาพร กล่าว 

รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังรายงาน ปัญหานักเรียนถูกคุกคามทางเพศ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ควรมีสหวิชาชีพเข้าไปดูแลเรื่องดังกล่าว อย่างน้อยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)ละ 1 คน เพื่อช่วยแก้ปัญหา และให้คำปรึกษาได้ทันท่วงที