‘มท.1’สั่งผู้ว่าฯทั่วไทย คุมเข้มกม.เน้นลดแหล่งกำเนิด ฝ่าวิกฤตฝุ่นพิษPM2.5
24 มกราคม 2563 ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ผบ.บกปภ.ช.) กล่าวในการประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบ Video Conference ตอนหนึ่งถึงปัญหาจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดต่างๆมีปัญหาค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน (50ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ในหลายพื้นที่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อช่วงต้นปี 2562 กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์จะต้องยึดแผนปฏิบัติการฯนี้เป็นหลัก ร่วมกับแผนป้องและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว3 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ 2.การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง และ3.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยแผนเผชิญเหตุในช่วงวิกฤติตามที่กำหนดไว้ 4 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่าไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ระดับที่ 2 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 51 ถึง 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรระดับที่ 3 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 76 ถึง 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและระดับที่ 4 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่ามากกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
“ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องอำนวยการสั่งการในการแก้ไขปัญหา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ระดับฝุ่นละออง และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ด้วย” รมว.มหาดไทย กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นละอองอยู่ในระดับ 2 ผู้ว่าฯต้องจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และติดตามข้อมูลสถานการณ์จากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อวิเคราะห์และกำหนดแนวทางการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาสถานการณ์ โดยนำมาตรการตามแผนปฏิบัติการฯ มาบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเน้นมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทางหรือแหล่งกำเนิด เช่น ต้นกำเนิดจากยานพาหนะ ต้องมีมาตรการตรวจสอบควบคุมรถควันดำ การกำหนดพื้นที่ในการจำกัดเวลารถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินระดับมาตรฐาน การจำกัดการเผา ต้องห้ามการเผาในที่โล่งแจ้งทุกชนิด
สำหรับการเผาทางการเกษตรต้องดูให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และการควบคุมดูแลโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้างในพื้นที่อย่างเข้มงวด และต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์แต่ละพื้นที่ รวมทั้งต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในมาตรการและข้อกฎหมาย กำชับให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยเหลือประชาชน อาทิ การดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขและการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ให้สรุปรายงานผลการดำเนินงานและปรับมาตรการต่าง ๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่ด้วย
“สถานการณ์ฝุ่นละอองในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและถือเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติเป็นต้องเร่งแก้ไข ทั้งในระยะเผชิญเหตุ ระยะสั้น และระยะยาว จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เข้มงวด บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่ พร้อมสร้างการรับรู้และขอความร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ร่วมกัน” พล.อ.อนุพงษ์ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี