‘เมียบิลลี่’เล็งยื่นฟ้องเอง
ลั่นขอสถึงทีสุด
อัยการชี้ปมชัยวัฒน์รอด
เหตุหลักฐานโยงไม่ถึง
อัยการ แจงปมสั่งไม่ฟ้องชัยวัฒน์ กับพวก ร่วมกันฆ่า“บิลลี่” ชี้เหตุไม่เชื่อการตรวจวิธีไมโทรคอนเดรีย เป็นกระดูกบิลลี่ ไร้ประจักษ์พยานเชื่อมโยง ด้าน “มึนอ” เมียบิลลี่โร่ยื่นหนังสือท้วง ขอสู้คดีถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการสูงสุด และนายจิตภัทร พุ่มหิรัญ อัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ 4 ชี้แจงกรณีอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี และอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายบุญแทน บุษราคัม นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงศ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในข้อหาร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวและแกนนำกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ว่า ในส่วนของการยกฟ้องข้อหาร่วมกันฆ่าฯ คณะทำงานอัยการ ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะฟ้อง
ทั้งนี้ เนื่องจากนายพอละจี ถูกนายชัยวัฒน์ กับพวก ควบคุมตัวไปพร้อมน้ำผึ้งและจักรยานยนต์ แต่มีพยานเห็นนายพอละจี ถูกปล่อยตัวแล้ว ต่อมาทางครอบครัวของนายพอละจี ร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ให้นายชัยวัฒน์ ปล่อยตัวนายพอละจี เพราะเป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งข้อเท็จจริงทางคดีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา คดีเป็นที่สุด ว่านายพอละจี ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า แม้ต่อมาพยาน 2 ใน 5 ปาก ที่เห็นนายพอละจี ถูกปล่อยตัว กลับคำให้การกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่อัยการเห็นว่า น้ำหนักที่พยานทั้งสองให้กับทั้ง 3 ศาล มีมากกว่า ประกอบกับวิธีการตรวจชิ้นส่วนกระดูก โดยวิธีไมโครควอเทรียม ทราบเพียงสื่อสัมพันธ์สายมารดา และยายเท่านั้น การตรวจวิธีนี้ไม่เพียงพอยืนยันตัวบุคคลที่ชี้ชัดได้ว่าเป็นของบุคคลใด
อีกทั้งสำนวนคดียังไม่มีประจักษ์พยาน หรือพยานแวดล้อมใดๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ร่วมกันฆ่าเมื่อไหร่ ที่ไหน โดยวิธีการใด ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นล้วนเป็นสาระสำคัญที่อัยการต้องกล่าวบรรยายไว้ในฟ้อง รวมทั้งสำนวนการสอบสวนไม่มีพยานหลักฐานว่านายพอละจี ยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในชั้นนี้สำนวนยังมีพยานหลักฐานไม่เพียงพอฟ้อง อัยการจึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แต่มีหลักฐานเพียงพอสำหรับข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/2, 172 และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น
ขณะนี้อัยการได้ส่งสำนวนคดีกลับไปให้อธิบดีดีเอสไอ เพื่อพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นต่าง สำนวนคดีจะถูกส่งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด และตามขั้นตอนญาติของผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้
ส่วนนายจิตภัทร กล่าวอธิบายเปรียบเทียบคดี นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ คดีฆ่าภรรยา คือ พญ.ผัสพร ว่ามีความแตกต่างกัน เนื่องจากคดีดังกล่าวพยานวัตถุไม่เสียหายมาก ระยะเวลาผ่านไปไม่นาน สามารถสกัดดีเอ็นเอยืนยันตัวบุคคลได้ ไม่ใช่เพียงว่าการสืบสายมารดาและยายจะเข้ากับใครได้บ้าง
ขณะที่ น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความของ น.ส.พิณนภา กล่าวแย้งอัยการ ว่าทราบหรือไม่ว่าในกระบวนการไต่สวนที่ศาลได้เรียกพยานเจ้าหน้าที่ นักศึกษาฝึกงาน และพนักงานสอบสวน ซึ่งการไต่สวนศาลได้ชี้ว่าพยานหลักฐานที่เห็นว่ามีการปล่อยตัวนายพอละจี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่สามารถหยิบยกมาพิจารณาได้ จึงไม่เห็นบริบทการปล่อยตัว ศาลฎีกายกคำร้องเพราะพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ไม่ใช่เพราะว่ามีการปล่อยตัวนายพอละจี แล้ว
ทางด้าน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของนายพอละจี ได้เดินทางมายื่นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือตัวเอง เพื่อขอฟังเหตุผลที่อัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์กับพวก ในคดีร่วมกันฆ่านายบิลลี่ ซึ่งหลังรับฟังคำชี้แจง นางมึนอ กล่าวว่า เข้าใจส่วนหนึ่ง แต่ยังติดใจในประเด็นดีเอ็นเอ การตรวจชิ้นส่วนกระดูก ที่เป็นศัพท์ทางเทคนิคที่ยาก โดยยังเชื่อว่า กระดูกที่พบเป็นของนายบิลลี่ ส่วนที่อัยการระบุว่า มีพยานเห็นการปล่อยตัวนายชัยวัฒน์นั้น จากการสอบถามคนในหมู่บ้าน ก็ไม่มีผู้ใดเห็นการปล่อยตัวดังกล่าว ทั้งนี้ แม้อัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ตนก็จะขอต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เเละคงต้องปรึกษาว่าอาจจะต้องมีการทำเรื่องฟ้องเอง และพร้อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะเชื่อว่าคนทำคนหายไปไม่ได้จะต้องมีเหตุและผล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี