อัยการเตรียมตั้งคณะทำงานชุดใหญ่ ลุยคดี‘2พ่อลูกตระกูลฮุน’ ลั่นต้องรับผิดชอบความสูญเสีย

อัยการเตรียมตั้งคณะทำงานชุดใหญ่ ลุยคดี‘2พ่อลูกตระกูลฮุน’ ลั่นต้องรับผิดชอบความสูญเสีย

วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 15.33 น.

‘อธิบดีอัยการสอบสวน’จ่อตั้งคณะทำงานลุยสอบคดี‘2 พ่อลูกตระกูลฮุน’ยิงระเบิดใสไทย ทบเปรี้ยงต้องรับผิดชอบความสูญเสีย

24 พฤศจิกายน 2568 นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เปิดเผยความคืบหน้าเหตุทหารกัมพูชายิงระเบิด BM-21 ตกใส่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านน้ำเย็น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เเละพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบช.ภ.ภ.3 ได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอให้พิจารณาดำเนินคดี ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร


จากกรณีเหตุการณ์ช่วงระหว่างวันที่ 24 - 29 กรกฎาคม 2568 ได้เกิดเหตุทหารกัมพูชายิงทั้งปืนและระเบิดมายังพื้นที่ 4 จังหวัดในไทยเรา ประกอบด้วย จ. บุรีรัมย์ , สุรินทร์ , ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีคนเสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 238 ราย  ทั้งทหารและพลเรือน ทรัพย์สินประชาชนเสียหาย รวมถึงสถานที่ราชการความเสียหายเกือบร้อยล้านบาท

นายวัชรินทร์ ระบุว่า เรื่องนี้กระทำที่ประเทศกัมพูชา แต่ผลเกิดในประเทศไทย หลักของกฎหมายถือว่าเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5  (คดีนอกราชฯ) และการกระทำดังกล่าวมีผลคือทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย และทรัพย์สินเสียหาย เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5 มาตรา7มาตรา 8

“ทางอัยการสำนักงานการสอบสวนได้หารือไปทางผู้บังคับบัญชาแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จะรีบพิจารณาทำความเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา โดยแนวนโยบายที่ผ่านมาของอัยการสูงสุด หากสั่งลงมาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และให้อัยการสอบสวนไปร่วมสอบสวนกับทีมกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (บช.ภ.3) เราจะตั้งคณะทำงานคณะใหญ่ มีผมเป็นหัวหน้าคณะทำงานเข้าไปสอบสวยเรื่องนี้เอง พร้อมกับมีรองอธิบดี 3 คน และอัยการที่อยู่ในสำนักงานการสอบสวนเข้าไปร่วมสอบสวนเกือบทั้งสำนักงาน” นายวัชรินทร์ กล่าว

นายวัชรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทราบว่าแม้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย บช.ภ.3 จะสอบสวนพยานไปแล้วประมาณ 300 กว่าปากแล้ว ก็ไม่เป็นไร ทางเราจะเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมติดตามดูรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสารที่มีอยู่ จะรวบรวมเข้าไปในสำนวน หลังจากนั้นก็จะส่งไปให้อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดี เนื่องจากคดีนี้เป็นอำนาจท่านอัยการสูงสุดผู้เดียวในการสั่งฟ้องไม่ฟ้อง เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร

ในส่วนสำนวนที่มีการส่งมาถึง 135 สำนวน คิดว่าจะตั้งอัยการที่เป็นจำนวนที่เพียงพอในการทำคดีนี้ โดยหลักการเราควรจะตั้งอัยการในสำนักงานเกือบทั้งหมดเข้าไปลุยในเรื่องนี้ เพราะเราให้ความสำคัญมาก เนื่องจากว่าเป็นเรื่องของความสูญเสียของทหารตำรวจ ข้าราชการและประชาชนคนไทยที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งทรัพย์สินเสียหาย

ส่วนที่เคยมีนักวิชาการบอกว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสงครามระหว่างประเทศ กฎหมายภายในประเทศ ไม่สามารถใช้บังคับได้ ต้องเรียนว่า เรายังไม่ได้ประกาศสงครามเลย หากแต่เราถูกโจมตีก่อนต่างหากและเคยมีการหารือในหน่วยงานความมั่นคงร่วมกันเรื่องนี้โดยสรุปว่าการต้องไปฟ้องที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ จะทำได้ไหม ทางหน่วยที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่าทำได้ค่อนข้างยากและลำบากมาก ถ้าเราไปดูกฎหมายจะเห็นได้ว่าจะต้องเป็นเรื่องที่เข้าเกณฑ์ของศาลอาญาระหว่างประเทศเท่านั้น และต้องผ่านอัยการที่ทำหน้าที่ในศาลอาญาระหว่างประเทศดังนั้น

“มีหนทางเดียวคือวิธีนี้ ที่เมื่อมีการกระทำเกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา แต่ผลการกระทำมันมาเกิดความรุนแรงในประเทศไทย เราจะยอมให้ประชาชนคนไทยหรือทหาร ตำรวจ ที่ถึงแก่ความตาย มีผู้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหายมากมาย ให้เรื่องนี้เงียบเฉยได้อย่างไร ก็คิดว่าวิธีนี้ช่องทางที่ดีที่สุด” นายวัชรินทร์กล่าว

ทั้งนี้ กฎหมายไทยได้มีบทบัญญัติไว้ เรามีเขตอำนาจอธิปไตยของไทย มีเขตอำนาจศาลไทย ส่วนขั้นตอนสุดท้ายจะทำได้หรือไม่ก็จะพยายามถึงที่สุดและทางเราจะทำให้ถึงที่สุด ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย ในวันที่ประชุม มองว่าถ้าไม่ทำอะไรเลย แล้วผลที่เกิดขึ้นคือความเสียหายทั้งชีวิต ร่างกายทรัพย์สิน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เราจะเรียกร้องจากใครเพราะมีผู้ได้รับความเสียหายมากกว่าที่สำคัญมีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้วด้วย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top