“ปภ.”ประกาศพื้นที่ภัยแล้ง 20 จังหวัด ระดมสรรพกำลังแก้ไข ส่วนที่ จ.พิจิตร น้ำยมแห้งขอด หวั่นสัตว์น้ำตาย-สูญพันธุ์ ด้านเกษตรกร หันปลูกแตงโมงแทนนาข้าว โอดราคาผลผลิตตกต่ำ วอนรัฐช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 28มกราคม ที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 20 จังหวัด รวม 109 อำเภอ 599 ตำบล 5,125 หมู่บ้าน/ชุมชน แยกเป็นภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย และเพชรบูรณ์ รวม 35 อำเภอ 166 ตำบล 1,200 หมู่บ้าน , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนครกาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมา และบุรีรัมย์ รวม 44 อำเภอ 284 ตำบล 2,722 หมู่บ้าน
ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และฉะเชิงเทรา รวม 30 อำเภอ 149 ตำบล 1,203 หมู่บ้าน ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยระดมสรรพกำลัง เครื่องจักรกล ยานพาหนะ และอุปกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพความเสี่ยงของพื้นที่ ทั้งการสูบส่งน้ำการขุดบ่อน้ำตื้น การขุดบ่อน้ำบาดาล การเป่าล้างบ่อบาดาล และจัดรถบรรทุกน้ำนำน้ำไปเติมยังถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านและจุดแจกจ่ายน้ำตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอตลอดฤดูแล้ง
ตลอดจนรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนเกษตรกรให้ปรับวิถีทำการเกษตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ที่ จ.พิจิตร วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ภัยแล้ง ว่ายังคงส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะแม่น้ำยม หน้าวัดศรีศรัทธาราม ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร พื้นที่รอยต่อจาก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลผ่าน ยังคงแห้งขอดตลอดทั้งลำน้ำ ส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำ โดยเฉพาะบรรดาหอยกาบ ที่อาศัยอยู่จำนวนมาก บริเวณหน้าวัดขาดน้ำ จนตายเกลื่อนในท้องแม่น้ำยม เนื่องจากระดับน้ำได้แห้งขอด และมีอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังส่งผลกับระบบนิเวศน์ทางน้ำ และสัตว์น้ำในแม่น้ำยม ซึ่งเสี่ยงสูญพันธุ์ สำหรับระดับน้ำได้ลดลงเหลือเพียงแอ่งน้ำเล็กน้อยที่ยังพอมีน้ำให้สัตว์น้ำ ปลาและหอย อาศัยอยู่ ชาวบ้านเกรงว่า หากระดับยังลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้ อาจส่งผลกระทบกับแหล่งสัตว์น้ำหน้าวัดแห่งนี้จนตายหมด และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และชาวบ้าน 2 ริมฝั่งแม่น้ำยม เกรงว่าน้ำต้นทุนจะไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และน้ำบาดาลใต้ดินใช้ผลิตประปาลดระดับลง ซึ่งน้ำในแม่น้ำยมปีนี้แห้งเร็วกว่าทุกปี
ขณะที่เกษตรกรใน ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร ที่หันมาปลูกแตงโมแทนการทำนาในช่วงหน้าแล้ง ได้ทำการเก็บผลผลิตลูกแตงโมเพื่อนำมาขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อ แต่ก็ต้องประสบปัญหาเรื่องของราคาแตงโมที่กำลังตกต่ำเหลือแค่กิโลกรัมละ 5 บาท แต่ก็ต้องจำใจต้องขายเพราะถึงเวลาตัด ถ้าไม่ตัดขายอาจจะทำให้ลูกแตงโมเน่าเสียคาต้น ส่งผลให้ต้องขาดทุนในการปลูกเป็นเงินหลายหมื่นบาท
ด้านนางเพ็ญ คะระนันท์ เกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าว เผยว่า ปลูกแตงโมในพื้นที่กว่า 10 ไร่ โดยลงทุนไปทั้งหมดกว่า 1 แสนบาท แต่ราคาแตงโมปีนี้ตกต่ำมาก เหลือแค่กิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งแตกต่างจากปีที่ผ่านมา แต่เกษตรกรจำใจต้องตัดขายในราคาที่ถูก เพราะถ้าไม่ตัดขายอาจจะทำให้ลูกแตงโมเน่าเสีย ขาดทุนและเสียหายมากกว่านี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องหาแนวทางช่วยเหลือ หลังจากที่มีการรณรงค์ให้ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยทดแทนการปลุกข้าว แต่ผลผลิตออกมากับเจอปัญหาราคาตกต่ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี