อุทยานมิตรกาฬสินธุ์รับซื้อใบอ้อย ลดการเผาก่อนตัด แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 สร้างรายได้เพิ่มเกษตรกรอีกตันละ 1,000 บาท ชาวไร่อ้อยขานรับ เร่งใช้เครื่องอัดใบอ้อยส่งขายคึกคัก
วันที่ 29 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อุทยานมิตรกาฬสินธุ์ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่ต่างๆ นำใบอ้อยที่ตัดเอาลำต้นเสร็จแล้วเข้ามาขายให้กับทางโรงงานอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 200-300 ตัน โดยทางโรงงานตั้งเป้าการรับซื้อใบอ้อยในปีนี้ไว้ที่ 2.8 หมื่นตัน และปัจจุบันมีเกษตรกรนำใบอ้อยมาขายให้กับโรงงานแล้ว 1.4 หมื่นตัน เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่เริ่มที่จะงดเผาอ้อย ตัดอ้อยสด และนำใบมาขายเพิ่มมากขึ้น และทางโรงงานก็เปิดรับซื้อ เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าชีวมวลในโรงงาน และเป็นการรณรงค์งดการเผาอ้อยและช่วยป้องกันร่วมแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อีกทั้งยังทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยมีนายคมสันต์ เหล่าจูม ผอ.ด้านโรงงาน และนายศิริศักดิ์ เตียเจริญกิจ ผอ.ธุจกิจไฟฟ้า พร้อมด้วยพนักงานอุทยานมิตรกาฬสินธุ์ อำนวยความสะดวกในการรับซื้อ
นายไพฑูรย์ ประภาถะโร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ประจำกลุ่มธุรกิจอ้อย บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวว่า กลุ่มมิตรผล มีมาตรการในการส่งเสริมเกษตรกรตัดอ้อยสดอย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการเกษตร โดยได้รณรงค์ให้เกษตรรายเล็กใช้เครื่องสางใบอ้อยก่อนจะใช้แรงงานคนตัด ขณะที่เกษตรกรรายกลางและรายใหญ่ จะส่งเสริมรถตัดอ้อย เพราะว่าการใช้รถตัดอ้อย 1 คัน ประหยัดค่าแรงและทดแทนแรงงานคนได้ ประมาณ 300 คนที่สำคัญการตัดอ้อยสด ใบอ้อยยังสามารถสร้างมูลค่าให้กับเกษตรกร โดยเก็บใบมาขายให้กับโรงงาน ซึ่งราคารับซื้อหน้าโรงงานตันละ 1,000 บาท ทั้งนี้ การเก็บใบอ้อยมีต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 500 บาท ใน 1 ไร่เกษตรกรจะได้เงินเข้ากระเป๋าไร่ละประมาณ 500 บาท ที่เป็นรายได้เพิ่มจากการขายอ้อย
นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า กลุ่มมิตรผลทุกโรงงานทั่วประเทศ ได้เริ่มรับซื้อใบอ้อยมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว โดยเริ่มแรกรับซื้อตั้งแต่หลักพันตัน เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นตัน จนปัจจุบันตั้งเป้าการรับซื้อไว้ที่ 2 แสนตัน และล่าสุดได้รับซื้อใบอ้อยจากสมาชิกหรือชาวไร่อ้อยตั้งแต่เปิดหีบเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา และขณะนี้มียอดการรับแล้วประมาณ 1 แสนตัน แต่ในการเก็บจะไม่ให้เก็บทั้งหมด เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรและทำให้ดินมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด ทั้งนี้ให้เก็บเพียง 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใบอ้อยที่เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้เหลือไว้คลุมดิน เพื่อรักษาความชื้น ป้องกันวัชพืช เกษตรกรให้การตอบรับดี เพราะช่วยเพิ่มรายได้จากการขยายใบอ้อย เป็นตัวชี้วัดว่าเกษตรกรมีการตัดอ้อยสดเพิ่มขึ้น เพราะการตัดอ้อยสดมีใบอ้อยให้อัดก้อนขาย เป็นการแก้ไขปัญหาและรณรงค์งดเผาอ้อยก่อนตัด ซึ่งเป็นแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับใบอ้อยที่รับซื้อจากเกษตรกร จะนำไปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลในโรงงาน
ขณะที่นายชาติไทย เปรินทร์ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 บ้านหนองบัวทอง ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย กล่าวว่า ตนปลูกอ้อยในที่ดินของตนเองและพื้นที่เช่าประมาณ 200 ไร่ที่ผ่านมาตัดอ้อยสดเป็นประจำทุกปี โดยใช้รถตัด เพื่อประหยัดแรงงานและรวดเร็ว โดยเฉพาะยังได้ใบอ้อยขายส่งโรงงาน เป็นรายได้เสริมจากการขายอ้อยอีกทางหนึ่ง และผลดีจากการไม่เผาอ้อยก่อนตัด ยังได้ใบอ้อยที่เหลือจากการใช้รถตัดและอัดใบอ้อย ไว้เพื่อป้องกันวัชพืช รักษาสภาพความชุ่มชื้นให้แก่ดิน และช่วยให้ตออ้อยงอกดีอีกด้วย นอกจากตนจะร่วมโครงการกับบริษัทน้ำตาลมิตรผล โดยไม่เผาอ้อยก่อนตัดแล้ว ยังเชิญชวนเกษตรกรนำใบอ้อยมาขาย เพราะหากเผาก่อนตัดจะถูกหักตันละ 30 บาท ขายอ้อยตัดสดจึงได้ราคาสูง และมีรายได้เสริมโดยขายใบอ้อยอีกตันละ 1,000 บาทอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี