วิสามัญทหารคลั่งกราดยิงกลางโคราช
เหยื่อดับ27เจ็บ57
ส่งหน่วยอรินทราชสยบ
บิ๊กตู่เสียใจไม่เคยเกิดขึ้น
ปูนบำเหน็จ3ตร.พลีชีพ
ญาติรับศพสุดเศร้าสลด
เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลา 18 ชม.วิสามัญฯ“จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา” หลังคลั่งไล่ยิงทหาร-ตำรวจ-นักเรียน-ประชาชน เสียชีวิตจำนวนมาก ระดมกำลังลุยห้างดังกลางเมืองโคราช ทยอยอพยพออกมา ก่อนเปิดฉากยิงปะทะหลายสิบนาที จนทหารโหดเสียชีวิตคาที่ ฝ่ายตำรวจพลีชีพไป 3 นาย สั่งปูนบำเหน็จตามระเบียบ ด้านญาติแห่รับศพสุดเศร้าสลด ไม่คาดคิดจะเกิดเหตุเช่นนี้ขณะที่ “บิ๊กตู่” บินด่วนให้กำลังใจ
กองทัพบกออกแถลงการณ์ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ชื่นชม’บิ๊กแป๊ะ’พาลูกชายลุยยุติสถานการณ์ด้วยตัวเอง
เมื่อวันที่ 9กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ คุ้มคลั่งสติแตก บุกยิงผู้บังคับบัญชา แล้วเข้าไปชิงเอาอาวุธสงคราม ในคลังเก็บอาวุธของค่ายทหารดังกล่าว ก่อนจะใช้ลงมือก่อเหตุกราดยิงตำรวจ ชาวบ้านซึ่งไม่เว้นแม้แต่เด็ก หรือผู้หญิง ชนิดที่เรียกว่าพบเจอใครก็ยิงหมด จากนั้นได้ขับรถฮัมวี่ทหาร บุกเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 สาขานครราชสีมา โดยยังคงกราดยิงผู้คน และยิงใส่ถังแก๊สวางเพลิงห้างดังกล่าวจนเกิดประกายไฟลุกไหม้รุนแรง จากนั้นก็บุกเข้าไปกราดยิงประชาชนที่อยู่ภายในห้าง รวมทั้งยังจับตัวประกันไว้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าติดตามจับกุม จนเกิดความโกลาหล สร้างความตื่นตกใจไปทั่วทั้งประเทศ ว่า ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จนเวลาข้ามคืนมา ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งระงับเหตุ
สลดพบศพ3พ่อแม่ลูกน้อย2ขวบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในห้วงเวลาที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้บุกเข้าไปภายในห้างเทอร์มินอล 21 และยังคงต่อสู้โดยยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ จนมีเสียงปืนดังออกมาเป็นระยะๆ กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 18 ชั่วโมง สุดท้าย จ.ส.อ.จักรพันธ์ ก็ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม ภายในห้องเย็น ชั้นใต้ดิน สภาพศพถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกายมีอาวุธปืนสงคราม ตกอยู่ และในบริเวณห้องเย็น ยังพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ และต้องพบกับภาพที่น่าสลดหดหู่ เมื่อปรากฏพบศพแม่ในสภาพกอดศพลูกวัยเพียง 2 ปี คาดว่าทั้ง 3 เป็นพ่อแม่ลูกกัน โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด
ไล่เลียงเหตุสะเทือนขวัญในโคราช
ต่อมา เวลา 09.22น.พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แจ้งข้อมูลภายหลังเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรมคนร้ายที่ก่อเหตุไว้ได้แล้ว สำหรับเหตุที่เกิดขึ้น มีลำดับเหตุการณ์ในเวลา 15.30 น.วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.มงคล คุปติศิริรัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ได้เข้าตรวจสอบเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักเลขที่ 187 หมู่ 3 บ้านถนนหัก ต.หนองจะบอก อ.เมือง จ.นครราชสีมา 2 ราย คือ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี สังกัดกรมสรรพาวุธ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี เจ้าของบ้าน นอกจากนี้ยังยิงนายทหารเกษียณอายุได้รับบาดเจ็บอีกราย สันนิษฐานว่ามีปมเหตุจากการทวงเงินค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน เป็นจำนวน 50,000 บาท แต่ตกลงกันไม่ได้
จากนั้นได้ก่อเหตุแย่งอาวุธปืนจากทหารเวรประจำการ ที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ แล้วใช้อาวุธยิงทหารเวร ก่อนขับรถฮัมวี่ทหาร หลบหนีออกด้านหลังค่าย ไปทางวัดป่าศรัทธารวม ยิงตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ที่เข้ามาสกัด โดยกระสุนยังถูกชาวบ้านด้วย แล้วขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ซึ่งระหว่างทางได้ใช้อาวุธปืนและกระสุนที่ขนมา ยิงใส่ชาวบ้านที่สัญชรไปมา และตำรวจที่เข้าระงับเหตุ จนมีผู้เสียชีวิตถึง 12 ราย อาทิ นักเรียน และคนขับจักรยานยนต์รับจ้าง เป็นต้น ก่อนจะเข้าไปในห้างเทอร์มินอล
ทยอยพาประชาชนเดินออกจากห้าง
เวลา 21.00น.วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ทยอยนำประชาชนออกจากศูนย์การค้า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่นิ่ง โดยประชาชนนับร้อยได้แห่บริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ประสบเหตุครั้งนี้ โดยมีการเผยแพร่คลิปภาพบรรยากาศภายในห้าง ในระหว่างนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้พูดโต้ตอบกับคนร้าย และขอให้คนร้ายยอมมอบตัว แต่คนร้ายกลับมีอารมณ์เกรี้ยวกราด พร้อมกับยิงปืนกราดยิง เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้พามาราดาของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ จากบ้านพักในตัวเมืองชัยภูมิ เพื่อให้มาช่วยเกลี้ยกล่อมลูกชาย โดยมารดาของผู้ก่อเหตุได้แต่ร่ำไห้ ร้องถามแต่เพียงว่า “จักรพันธ์ เป็นอะไรลูก”
จากนั้นเวลา 22.05 น.มีเสียงปืนดังขึ้น 5 นัด โดยดังออกมาจากบริเวณชั้น 3 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ และญาติของประชาชนที่ติดอยู่ภายในห้าง รวมทั้งสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตามทำข่าว ต่างต้องพากันหมอบลงเพื่อหลบวิถีกระสุน และบางส่วนก็วิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่าน หลังจากเสียงปืนสงบ คนร้ายได้ลงไปอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แล้วเปิดแก๊ส เพื่อให้กระจายรมตัวประกันเอาไว้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่บุกเข้ามาจับตัวได้
กองปราบแจ้งคุมพื้นที่ชั้นจีไว้ได้
เวลาประมาณ 23.30น.เพจเฟซบุ๊กกองปราบปราม แจ้งประชาสัมพันธ์สถานการณ์กราดยิงครั้งนี้ ว่าสามารถควบคุมพื้นที่ชั้นจี ของห้างแห่งนี้ได้แล้ว ท่านใดหรือญาติที่ติดอยู่ในชั้นดังกล่าว หากพบเห็นเจ้าหน้าที่ให้แสดงตัว โดยชูมือแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากที่หลบซ่อน มาทางร้านสตาร์บัค เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย หากใครยังมีความหวาดกลัว ให้อินบ็อกซ์มาโดยตรงที่เพจกองปราบปราบ พร้อมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ต่อมาเวลา 01.50 น.ซึ่งข้ามคืนของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เข้าสู่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ภายในห้างไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด หรืออีโอดี เตรียมเข้าตรวจสอบพื้นที่และบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด จากนั้นเสียงปืนเงียบลง จนช่วงเวลาประมาณ 03.10 น.ได้มีการลำเลียงผู้บาดเจ็บ ออกมาจากห้าง เพื่อนำส่ง รพ.มหาราชนครราชสีมา และมีกำลังทหารจากหน่วยรบพิเศษ เตรียมพร้อมรอปฏิบัติการอยู่
ยิงปะทะอีกระลอกใช้แก๊สน้ำตา
เวลา 03.35น.บริเวณด้านหลังของห้าง มีการยิงปะทะกันระหว่างคนร้ายกับเจ้าหน้าที่ โดยคนร้ายใช้แก๊สน้ำตา เพื่อหมายเปิดทางหลบหนี แต่ก็ยังไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้ โดยที่จุดนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย และมีตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่ประชาชนที่ตกค้างอยู่ภายในได้ทยอยออกมาแล้ว จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เดินทางลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์
จนเวลาประมาณ 07.35 น.สถานการณ์ตึงเครียด เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์ โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ลงพื้นที่ควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับเปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะบินด่วนลงพื้นที่ เพื่อร่วมสั่งการ แต่เหตุการณ์ยุติลงในเวลาต่อมา หลังจากคนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด
‘บิ๊กแป๊ะ’ควงลูกชายลุยสยบคลั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดห้วงเวลาที่มีการเข้าระงับเหตุดังกล่าว ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผบก.ตร.มหด.รอ.904 พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ.(191) ได้วางแผนปฏิบัติการ ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะมีคำสั่งให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของหลายหน่วยงาน ประกอบกำลังกันเข้าระงับเหตุ
ทั้งนี้ ได้มีการนำแผนที่ห้างแห่งนี้ ทั้ง 9 ชั้น มากางลงบนโต๊ะ ก่อนเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนที่ยังคงติดค้างภายในอาคาร โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา ผบ.ร้อย กก.3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ บช.ตชด.ลูกชาย ได้ร่วมปฏิบัติการด้วย
โฆษกทบ.เผยจ่าคลั่งฉกอาวุธอื้อ
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า สำหรับอาวุธของทางราชการทหารที่ถูก จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา สังกัด กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ปล้นไป ประกอบด้วย ปืนเล็กยาวแบบ 11 หรือเอชเค จำนวน 1 กระบอก และกระสุน 5.56 จำนวน 40 นัด จากป้อมรักษาการณ์ , ปืนเล็กยาวแบบ 11 หรือเอชเค จำนวน 1 กระบอก, ปืนกลเอ็ม 60 จำนวน 1 กระบอก จากกองร้อยคลังอาวุธ, รถยนต์บรรทุก (โตโยต้าดัดแปลง ลักษณะคล้ายรถฮัมวี่) หรือรยบ.51บี จากกองบังคับการกองพันฯ และกระสุน 5.56 จำนวน 736 นัด จากคลังกระสุนกองพันฯ
ทัพบกแถลงเสียใจต่อการสูญเสีย
ขณะเดียวกัน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า แถลงการณ์กองทัพบก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกองทัพบกขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทุกราย โดยทันทีที่เกิดเหตุ ทาง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าควบคุมสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เดินทางไปร่วมแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ อย่างไรก็ดี ขณะนี้กองทัพบกได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้ปฏิบัติการ เข้ายุติสถานการณ์ไว้ได้แล้ว
บิ๊กตู่ให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางถึง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้ร่วมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะมีการวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายรายนี้ได้
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ ญาติผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลมหาราช ตามลำดับ พร้อมกันนั้นได้สอบถามอาการจากแพทย์และพยาบาล รวมทั้งกล่าวกับประชาชนที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลด้วยว่า “เอากำลังใจมาฝากเด้อ เป็นกำลังใจให้ชาวโคราชเด้อ โคราชบ้านฉัน”
ชี้ทุกฝ่ายทำเต็มที่เร่งระงับเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ติดตามและรับทราบรายงานสถานการณ์โดยตลอด ระยะแรกได้ใช้กำลังดูแลสถานการณ์และความปลอดภัย พร้อมกับสั่งการผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งตนมีความกังวลในเรื่องการใช้กำลัง โดยกำชับให้ใช้มาตรการที่เหมาะสมและคำนึงถึงประชาชน โดยการทำงานไม่ใช่เราไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องคำนึงถึงการช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยมากที่สุด เพราะในอาคารมีซอกมุมจำนวนมาก
รับไม่เคยเกิดในไทย-ต้องไม่มีอีก
“เมื่อคืนผมติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งคืน มีคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดูแลสถานการณ์ มีการดำเนินการตามขั้นตอนในทุกระดับดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ให้มากที่สุด โดยมั่นใจในเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และต้องไม่มีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเพราะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายกรมสุขภาพจิต เข้ามาดูแลครอบครัวและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งผู้ที่สูญเสียทั้งหมด โดยเรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของประชาชน ของเจ้าหน้าที่ ตนต้องดูแลคนทั้งประเทศ อีกทั้งการที่มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาสังเกตการณ์เพราะมีความห่วงใย ขอร้องสื่อต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่สักนิด เพื่อสร้างความเข้าใจทั้งในและต่างประเทศ
ขอบคุณแพทย์-พยาบาลทำเต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันบริจาคโลหิต ถือว่าได้ทั้งบุญและกุศล สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมีบทเรียนแม้จะเคยผ่านสถานการณ์มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยรุนแรงแบบนี้ ทุกอย่างคาดการณ์ไม่ได้ แต่เราต้องเตรียมให้พร้อม ครั้งนี้ ถือว่ารับมือได้ดี สำหรับการช่วยเหลือดูแลจะเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกระทรวงพัฒนาสังคม (พม.) เข้ามาดูแลให้ทั้งผู้ที่สูญเสียและผู้ที่ได้รับบัตรเจ็บ
ทั้งนี้ สรุปจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ 57 ราย กลับบ้านแล้ว 25 อยู่ในโรงพยาบาล 32 ส่วนผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 21 ราย รวมผู้ก่อเหตุด้วย เราต้องร่วมมือและเผชิญสถานการณ์ไปด้วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน ยืนยันรัฐบาลดูแลประชาชนทุกคน และดูแลแก้ไขทุกปัญหา
ร.10โปรดฯองคมนตรีเยี่ยมคนเจ็บ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิเชียร์ จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 และ นพ.รินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นครราชสีมา แถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ดังกล่าว โดยนายวิเชียร เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีทั้ง 3 ท่าน มาเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง และช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยจะมีการอัญเชิญสิ่งของพระราชทานมาเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาลต่อไป
สหรัฐฯแถลงฯแสดงความเสียใจ
ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นใน จ.นครราชสีมา โดยระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทยเสมอ เรารู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นใน จ.นครราชสีมา และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา
ชงบำเหน็จ7ขั้น5ชั้นยศตร.พลีชีพ
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนการสูญเสีย ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา ผบ.หมวด (สบ1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ.(191) หรือหน่วยอรินทราช จากการเข้าระงับเหตุ นับเป็นการสูญเสียบุคลากรชั้นเลิศ เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทาง บช.น.พร้อมจะดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ ร.ต.อ.ตระกูล พึงจะได้รับ เบื้องต้นมีรายละเอียด ดังนี้ เสนอพิจารณาเลื่อนขั้น 7 ขั้น 5 ชั้นยศ กรณีปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้ายจนได้รับอันตรายถึงเสียชีวิต ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ.2521
เงินช่วยเหลือจากกองทุนต่าง ๆ ได้แก่ กองทุนสวัสดิการ ตร.ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท , ฌาปนกิจสงเคราะห์ ตร. 656,923 บาท , สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ (สมาชิกไม่เกิน 10 ปี) 300,000 บาท และอื่นๆ รวมประมาณ 2,100,000 บาท
เผยตัวเลขตร.พลีชีพ3บาดเจ็บ7
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานสรุปรายชื่อตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ว่า ตำรวจเสียชีวิตรวม 3 นาย ประกอบด้วย 1.ด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง สายตรวจ ต.หัวทะเล ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา 2.ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา ผบ.หมวด (สบ1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. 3.ส.ต.ท.เพชรรัตน์ กำจัดภัย ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ.ส่วนตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ แยกเป็นบาดเจ็บสาหัส ได้แก่ 1.ส.ต.ท.กรกต อ่ำพันเงิน ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา 2.ด.ต.สามชัย แพเกาะ ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา และ 3.ส.ต.ท.กฤษฎา การุณ ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ.
ขณะที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4ราย ได้แก่ 1.ร.ต.ท.ณัฐพงศ์ รัตนมงคลกูล รอง สวป.สภ.เมืองนครราชสีมา 2.ด.ต.สงกรานต์ มุมทอง ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา 3.ส.ต.ต.รัฐธรรมนูญ นาทอง ผบ.หมู่ ปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ยะลา ช่วยราชการ กก.สนับสนุน บก.ป. และ 4.ส.ต.ท.สวภัทร คงเพชร ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่1 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี