"เสมา1"ตรวจเยี่ยม2โรงเรียนในเขตกทม. ติดตามมาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่า-ปัญหาPM2.5 กำชับคุณครูสร้างนิสัยเด็กให้กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือสม่ำเสมอ ใส่หน้ากากป้องกันโรค
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนอนุบาลวัดปรินายก เขตพระนคร และโรงเรียนวัดอมรินทราราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมและการป้องกันไวรัสโคโรน่า และปัญหามลพิษ PM2.5 และปัญหาโรคระบาดต่างๆ ว่า เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม และจากที่ตนเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้มีโอกาสพูดคุยกับแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ขอความร่วมมือให้ทางกระทรวงศึกษาธิการ ประชาสัมพันธ์ ในเรื่องการป้องกันให้มากขึ้น ให้ข้อมูลเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง ในการดูแลความสะอาดทั้งในโรงเรียนและที่บ้านด้วย ไม่ใช้ทำเฉพาะช่วงที่มีปัญหานี้เท่านั้น แต่อยากให้ ศธ.ให้ข้อมูลเรื่อง การกินร้อน ช้อนกลาง การล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญแนะให้เด็กทำเป็นวินัยและต่อเนื่องจนกลายเป็นความเคยชิน หรือการใส่หน้ากากปิดปากก็เป็นวัฒนธรรมที่ดี จึงควรเสริมสร้างภายในโรงเรียน เพราะโรงเรียนอาจจะมีความเสี่ยงมากที่สุดในการเผยแพร่โรคต่างๆ
ส่วนเรื่องปัญหาฝุ่น pm 2.5 รัฐบาลก็ได้ติดตามและหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาฝุ่น pm 2.5 ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ณ ขณะนี้เราใส่หน้ากากปิดจมูก ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เราสามารถลดฝุ่นได้จากการบริหารจัดการลดควัญดำของรถสาธารณะ ลดพื้นที่ก่อสร้าง ควบคูมวิยัยการก่อสร้างอย่างเข้มข้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลได้วางมาตรการเอาไว้ และก็หวังว่าในระยะเวลา 3 - 5 ปี หากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการเรื่องฝุ่นไม่ได้เราทุกคนก็จะต้องร่วมกันไม่ใช้ในกรุงเทพฯแต่ในทุกๆจังหวัดจะต้องร่วมกัน เพราะในบางจังหวัดทีค่าฝุ่น pm 2.5 เกินมาตรฐานมาก เพราะเกิดจากการเผาสิ่งต่างๆ ซึ่งก็ต้องสร้างความเข้าใจ ว่า ถ้าไม่เผาแล้วจะมีการบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็พยายามทำความเข้าใจให้ความรู้กับประชาชนอยู่ ซึ่งกิจกรรมเดิมๆ ที่เคยทำกันมาวันนี้ได้มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ฉะนั้น ก็ต้องปรับเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำกัน กระทรวงศึกษาฯจะเป็นหลักในการให้ความรู้ ความเข้าใจทั้งนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ก็หวังว่าการขับเคลื่อนของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาฯ จะทำให้การสร้างวินัยเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นต่อทุกภาคส่วน
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนเห็นนักเรียนใช้ช้อนเดียวไม่มีซ่อม ซึ่งตนเข้าใจเรื่องงบประมาณ แต่ก็ให้เข้าใจถึงความเหมาะสม เมื่อเด็กๆ ไม่มีซ่อมก็ใช้นิ้วมือเขี่ยอาหารลงช้อน ตนมองว่าเรื่องนี้ทางโรงเรียนและคุณครูจะต้องสร้างความเข้าใจแก่เด็ก ในช่วงที่เรายังไม่สามารถจัดสรรงบให้ มีบางโรงเรียนแก้ไขปัญหาด้วยการให้เด็กนักเรียนนำช้อนซ่อมมาเอง เรื่องแบบนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราสร้างให้เป็นวินัย วัฒนธรรมก็จะทำให้ปัญหาการติดโรคต่าง ๆลดน้อยลงได้
"ในช่วงที่เด็กรับประทานอาหารกลางวัน คุณครูจะต้องใช้เวลาอยู่กับเด็กนักเรียนมากกว่าที่ผ่านมา โรงเรียนในต่างประเทศครูส่วนใหญ่จะมานั่งอยู่กับเด็กเฝ้าดูพฤติกรรมของเด็กเล็กๆและแนะนำสั่งสอนในเรื่องที่จำเป็นและสร้างวินัยให้แก่เด็กๆ" รมว.ศธ.กล่าว
รมว.ศธ.กล่าวว่า หลักสูตรใหม่ที่ปรับ จะทำให้คุณครูมีเวลาอยู่กับนักเรียนมากขึ้นเพื่อให้เข้าใจถึงตัวเด็กมากขึ้น ก็จะสามารถมองเห็นว่าเด็กแต่ละคนมีทักษะมีความสามารถและมีปัญหาอะไรต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นนโยบายที่อยากให้คุณครูให้ความสนใจเด็กในแต่ละช่วงเวลา จะได้เห็นลักษณะและความสามารถพิเศษ ดังนั้น เมื่อเราปรับหลักสูตรแล้ว ก็หวังว่าเราจะเห็นความสามารถและทักษาะพิเศษของเด็กเพื่อที่จะสนับสนุนส่งเสริมได้เต็มทีและอยากให้ครูมีเวลาดูแลเด็กนักเรียนใกล้ชิดมากขึ้น จึงพยายามลดพาระต่างๆ ของครู เรื่องสำคัญ คือให้ครูมีเวลาสอดส่องดูแลเด็ก จะทำให้เห็นว่าเด็กแต่ละคนมีพฤติกรรมความชื่นชอบอะไร ก็จะทำให้สามารถแก้ปัญหาเรื่องต่างๆที่อาจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าบางปัญหาเราไม่สามารถแก้ได้ด้วยอย่างใดอย่างหนึ่งในโรงเรียนเท่านั้น เด็กบางคนอาจจะมีโอกาสได้เล่นเกมส์มากขึ้นที่บ้าน เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ดูแลตลอดเวลา ก็ต้องทำความเข้าใจกับปัญหาตรงนั้น แต่ก็หวังว่าเมื่อเด็กทุกคนมาโรงเรียนคุณครูได้มีโอกาสเห็นพฤติกรรมของนักเรียนแล้ว โรงเรียนน่าจะสามารถตีโจทย์ได้ว่าปัญหาแต่ละคนแตกต่างกันอย่างไร
"โรงเรียนจะต้องปรับแนวทาง เมื่อรู้ว่ามีโรคระบาด ต้องรู้ว่าควรต้องเตรียมอะไรบ้าง เพื่อในอนาคตยังมีโรคที่รุนแรงกว่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ ศธ.ต้องปรับ เราจะทิ้งทุกอย่างไว้ตามแบบแผนเดิมๆไม่ได้ ในอนาคต สพฐ.และอาชีวะ ก็ต้องยืดหยุ่นไม่ว่าจะเรื่องปรับการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถยืนอยู่ได้ในโลกปัจจุบัน และทางโรงเรียนควรสอนเด็กเอาตัวรอด หากเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ให้วิ่งหนีไว้ก่อน หากหนี้ไปไหนไม่ได้ก็ต้องหาที่ซ่อนตัว และเมื่อเกิดเหตุจำเป็นก็ต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวเองให้รอด ดังนั้น โรงเรียนควรสอนให้เด็กรู้วิธีเอาตัวรอดในทุก ๆเรื่อง ไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ก็หวังว่าทุกๆ บทเรียนที่เรามี จะสามารถนำมาคิดวิเคราะ และนำเสนอแนวทางที่ถูกต้องไปให้กับเด็กและเยาวชนโดยที่ไม่ตื่นเต้นเกินไป ไม่ใช่พอมีเหตุความรุนแรงก็ห้ามเด็กเล่นเกมส์ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เราต้องใช้วิจารณญาณในการส่งต่อข้อมูล และขอให้ ผอ.โรงเรียน ดูแลครูและเด็กภายในโรงเรียนและพยายามบริหารจัดการ เพราะเป็นหน้าที่ของผอ.โรงเรียน ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ที่ต้องรับผิดชอบโรงเรียนนั้นๆ หากมีความผิด ศธ.ก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นเฉียบขาดจึงจะแก้ปัญหาได้ ไม่ใช้มีปัญหาแล้วทิ้งปัญหานี้ไว้แล้วย้ายไปอีกโรงเรียนหนึ่ง ปัญหาก็ไม่จบ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี