อากาศปีนี้แปรปรวนค่อนข้างสูง ช่วงนี้นอกจากจะไม่มีฝนแล้ว อากาศยังแห้ง และมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ สมกับการเตรียมเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน แต่ก็ยังมีฝนตกปรอยๆลงบางพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิกลับลดลงมาอีก สลับไปมา สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสลงพื้นที่สวนผลไม้ที่จังหวัดจันทบุรี ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ผลไม้หลักของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด เงาะ กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาจากดอกไปเป็นผล ชาวสวนจึงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาผลไม้ในช่วงเวลานี้อย่างใกล้ชิด หวังว่าการติดผลน่าจะอยู่ในระดับที่เป็นที่พอใจของชาวสวน โดยปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ในช่วงเวลานี้สำหรับการออกดอกติดผลของไม้ผล คือ น้ำแต่ธรรมชาติก็ไม่ได้เป็นใจ อากาศช่วงนี้กลับแห้ง แล้ง มีแดดจัด ไม่มีฝนมาช่วยแต่อย่างใด แหล่งน้ำในธรรมชาติก็เริ่มแห้งขอด ในปีที่ผ่านมาสถานการณ์ราคาของไม้ผลค่อนข้างสูง ให้ผลตอบแทนแก่ชาวสวนเป็นอย่างมาก ช่วงเวลาปัจจุบันจึงเป็นช่วงเวลาของการสู้เพื่อเอาชนะธรรมชาติให้ได้ จึงเกิดภาวะแสวงหาแหล่งน้ำทุกวิธีทาง ทั้งจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ห้วย หนอง คลองบึง อ่างเก็บน้ำ ฝายเก็บน้ำต่างๆ เพื่อนำน้ำมาให้กับไม้ผลในสวนของแต่ละราย บางแห่งถึงขั้นต้องซื้อน้ำมารดต้นไม้กันแล้ว สนนราคาต่อคันรถราว 700 บาท ชาวสวนก็ต้องยอม เพื่อให้ไม้ผลติดดอกออกผลได้ตามที่หวัง
เมื่อพิจารณาข้อมูลปริมาณน้ำฝนของจังหวัดจันทบุรี พบว่า จันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีปริมาณน้ำฝนและจำนวนวันที่ฝนตกเฉลี่ยสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ แต่ต้องมาประสบปัญหาภาวะแห้งแล้งในช่วงสำคัญของไม้ผล ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัด รุนแรงถึงระดับที่จังหวัดต้องประกาศเป็นเขตประสบภัยพิบัติ เพื่อให้การช่วยเหลือ และเมื่อพิจารณาย้อนหลังไปไม่กี่เดือนในช่วงฤดูฝน จังหวัดก็เพิ่งจะประกาศประสบอุทุกภัย น้ำหลากจากภูเขาท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ทั้งเรือกสวนและที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วไป จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ย้อนแย้งกันไปมา ฤดูฝนน้ำมากจนน้ำท่วม พอเข้าสู่ฤดูแล้งน้ำกลับมาแห้งขอดไปจนไม่พอใช้
เมื่อเข้าไปเยี่ยมชมตามสวนต่างๆผมสังเกตเห็นว่าชาวสวนจันทบุรีมีการจัดการสวนแบบใช้ประโยชน์ในพื้นที่ครบทุกตารางเมตร สามารถวางแถวปลูกไม้ผลได้แบบไม่มีพื้นที่เหลือให้แทรกอย่างอื่นลงไปได้ และส่วนใหญ่ จะไม่มีการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ของตนเอง เพื่อที่จะกักเก็บน้ำในฤดูฝนมาใช้ในฤดูแล้ง ทั้งๆที่ชาวสวนเข้าใจดีว่าทำสวนต้องใช้น้ำ ไม่สามารถทำสวนโดยไม่มีน้ำอย่างเพียงพอได้ แต่ชาวสวนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมที่จะสละพื้นที่ของตนเองทำแหล่งกักเก็บน้ำแต่พยายามปลูกไม้ผลให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ราคาไม้ผลสูงมาก โดยเฉพาะทุเรียน จึงมีการขยายพื้นที่ปลูกออกไปมากจนน่าตกใจ โดยไม่มีการเตรียมการเรื่องน้ำไว้อย่างเพียงพอ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ผมได้คุยกับกลุ่ม Young Smart Farmer ในพื้นที่จันทบุรี เล่าให้ฟังว่า แหล่งกักเก็บน้ำดิบของทางราชการที่จะนำไปใช้ทำน้ำประปา เมื่อปล่อยผ่านคลองส่งน้ำไปผ่านพื้นที่ของชาวสวนซึ่งเป็นชาวสวนรายใหญ่ที่มีพื้นที่หลายร้อยไร่ บางรายถึงกับนำโดรนขึ้นบินสำรวจ แล้วทำการขุดสระดึงน้ำที่ปล่อยมานี้ มากักเก็บในพื้นที่สระที่ตนขุดไว้ เพื่อนำมาใช้ในสวนของตนเอง กลุ่ม Young Smart Farmer เรียกการทำการเกษตรในลักษณะนี้ว่า เป็นการทำการเกษตรที่ไร้จริยธรรมของความเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข กลายเป็นการยึดประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมการเกษตร ประเด็นนี้หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นความขัดแย้งในสังคมได้
สถานการณ์การขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนอย่างไม่หยุดยั้ง มีนายทุนเข้ามาลงทุนในกิจการดังกล่าว ในลักษณะของแปลงขนาดใหญ่ เป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้คำนึงถึงแหล่งน้ำที่จะนำมาใช้ในสวนของตน อนาคตเราคงไม่ได้เห็นเฉพาะปัญหาการแย่งน้ำของชาวนา ปัญหาการแย่งน้ำของชาวสวนก็คงไม่ยิ่งห ย่นไปกว่ากัน หากไม่มีการเตรียมการทำความเข้าใจและวางแนวทางแก้ไขปัญหาไว้ล่วงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทุเรียนในยุคทุเรียนบูมออกผลก็น่าจะไม่เกิน 4-5 ปีนี้ ผลผลิตที่ออกมาจะมีการจัดการอย่างไร จะเกิดเหตุปิดถนนด้วยทุเรียนหรือไม่ ในวันนี้ผู้ใหญ่ของจันทุบรีท่านหนึ่งถึงกับทำนายว่า อีก 4 ปี จะต้องได้รับประทานทุเรียนฟรีที่เมืองจันท์ เพราะผลผลิตจะล้นเกินความต้องการ และประเด็นราคาตกต่ำก็คงหนีไม่พ้น ผมเองก็ได้แต่หวังว่าคงมีทางออกสักทาง
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี