เขี้ยวเล็บ สตม.!!! ตม.เพชรบูรณ์ จับมือ สืบ ตม.5 นำรถอัจฉริยะฯ รวบเฒ่าแดนปลาดิบฝังตัวในไทยผิดกฎหมายกว่า 8 ปี สารภาพอยู่แบบหลบๆซ่อนๆนับแต่เมียคนไทยเสียชีวิต เตรียมขึ้น “แบล็คลิสต์” ห้ามเข้าประเทศ 10 ปี
4 มีนาคม 2563 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชำนาญ ชำนาญเวช ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 (ผบก.ตม.5) , พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 ทาง พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี สว.ตม.จว.เพชรบูรณ์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.เพชรบูรณ์ นำรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ(BMW) ออกตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อใช้งานเครื่อง Tablet , เครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประจำรถยนต์ หลังจากที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลมีลักษณะคล้ายคนต่างด้าวในเขตพื้นที่ ต.วังชมภู อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ ใช้ชีวิตผิดปกติวิสัยจากบุคคลอื่นทั่วไป คือ มีลักษณะการใช้ชีวิตเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยเดินทางออกไปไหน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนและประชาชนพักอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นยากต่อการค้นหาตัว และเกรงว่าอาจเป็นอาชญากรที่หลบหนีมาจากต่างประเทศเข้ามาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลานาน
ทาง ร.ต.อ.ศักย์ศรณ์ ชัยธรรมาภรณ์ รอง สว.ตม.จว.เพชรบูรณ์ จึงได้ประสานไปยังกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 (กก.สส.บก.ตม.5) นำโดย พ.ต.ต.อิทธิ์ณณัฎฐ์ ปัญญาเที่ยง สว.กก.สส.บก.ตม.5 เพื่อวางแผนและนำกำลังปิดล้อมตรวจค้นชุมชนดังกล่าวแบบปูพรมร่วมกัน
กระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.เพชรบูรณ์ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.5 ได้นำกำลังร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบชุมชน ต.วังชมภู อ.เมืองเพชรบูรณ์ แบบปูพรม จนมาถึงบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ต.วังชมภู อ.เมืองเพชรบูรณ์ พบบุคคลมีลักษณะคล้ายคนต่างด้าวมีลักษณะอาการท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ เพื่อขอตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง บุคคลดังกล่าวได้นำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบ โดยใช้เครื่องมืออุปกรณ์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศประจำรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ ตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล , รายละเอียดการเดินทางเข้า-ออก , รายชื่อบุคคลต้องห้าม , หมายจับ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง พบว่า ผู้ถูกจับเป็นคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นชื่อ นายซาเดา ทานาคา อายุ 67 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 และมีการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรครั้งล่าสุดได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564
นายซาเดา ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ว่า ตนเป็นคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นจริง เคยมีภรรยาเป็นบุคคลสัญชาติไทย เมื่อภรรยาตนเสียชีวิตลง ตนก็ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศไทย ไม่ได้ยื่นเรื่องขออยู่ต่อในราชอาณาจักร และพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวตามลำพังแบบหลบๆซ่อนๆ
ทั้งนี้ การที่นายซาเดา อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือโอเวอร์สเตย์ จำนวน 3,027 วัน หรือ 8 ปีกว่านั้น จึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหk “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชุมชนวังชมภู ต.วังชมภู เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และหลังจากที่คดีสิ้นสุดแล้ว ทาง ตม.จว.เพชรบูรณ์ จะพิจารณานำรายชื่อของผู้ถูกจับขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร (BlackList) เป็นระยะเวลา 10 ปี
พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี สว.ตม.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ที่สั่งการให้ตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศเข้มงวดกวดขันจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ และควบคุมคนต่างด้าวในพื้นที่ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และปฏิบัติตามกฎหมายอื่นอย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบูรณาการสนธิกำลังประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบคนต่างด้าวผิดกฎหมายหรือการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่หมายเลข Call Center ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการติดตามตรวจสอบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี