สธ.เผย"ผีน้อย"คัดกรองแล้ว186คน พบกลุ่มเสี่ยงสูง8คนจาก2เมือง-ไม่มีไข้ "รองอธิบดีมกรมควบคุมโรค"วอนอย่าตื่นกลัวเพราะผู้ป่วยไข้หวัดที่เฝ้าดูอาการในรพ.เฉลี่ยทุก1พันคน โอกาสป่วยโควิด-19แค่1คน ขณะผู้สัมผัสใกล้ชิดนักศึกษาไทยจากอิหร่าน157คน ยังรอผลLab และบางรายออกนอกประเทศแล้ว
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ของไทยกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประจำวันนี้ ว่า ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 16 ราย กลับบ้านแล้ว 33 ราย เสียชีวิต 1 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ยังต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด รวมผู้ป่วยยืนยันสะสมคงที่ 50 ราย
ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง (PUI) สะสม ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม - 8 มีนาคม 2563 จำนวน 4,518 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 212 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 4,306 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,729 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,789 ราย แต่ทั้งหมดไม่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 แน่นอน ทำให้เฉลี่ยแล้วจำนวนผู้ป่วยเสี่ยงเป็นโรคโควิด-19 ในไทย ทุกๆ 1,000 คน จะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้แค่ 1 คน
ส่วนการติดตามแรงงานไทยผิดกฎหมายจากเกาหลีใต้ เดินทางกลับมาประเทศไทย หลังที่เกาหลีใต้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จนถึงเมื่อคืนนี้เวลา 02.30 น.มีแรงงานไทยผิดกฎหมายที่ถูกเจ้าหน้าที่ที่สนามบินกักตัวไว้ดูอาการรวม 186 คน เป็นผู้ชาย 88 คน ผู้หญิง 98 คน ในจำนวนนี้มีกลุ่มเสี่ยงสูงแค่ 8 คน ที่มาจากเมืองแดกู และคยองซันเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรคแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่ทุกคนได้รับการตรวจสุภาพ อาการปกติ ไม่มีไข้ และมี 18 คน ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโรคประจำตัว โรคเรื้อรัง เป็นเด็กและสตรีมีครรภ์ ส่วนใหญ่ถูกนำตัวไปสังเกตอาการที่อาคารรับรอง ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ส่วนแรงงานไทยผิดกฎหมายกว่า 80 คน ที่หนีการตรวจที่สนามบิน ยืนยันว่าแรงงานไทยที่กลับมาจากเกาหลีใต้ทั้งหมดถูกตรวจคัดกรองโดยเครื่องตรวจวัดไข้ที่สนามบินแล้ว และก่อนมาก็ถูกจัดให้นั่งเฉพาะบริเวณท้ายเครื่อง เมื่อมาถึงเครื่องบินก็จอดพื้นที่พิเศษที่รองรับไว้ เพื่อแยกและลดการเพื่อแยกและลดการการกระจายเชื้อโรคให้มากที่สุด และทั้ง 80 คน ก็ยังไม่แสดงอาการป่วย จึงไม่ถือว่ามีการแพร่โรค จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบและติดตามอาการผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด ขอประชาชนไม่ต้องกังวล พร้อมขอตรวจสอบข้อมูลกรณีที่แรงงานไทยผิดกฎหมายคนหนึ่งที่กลับมาแล้วไปอยู่จังหวัดกระบี่ แล้วมีไข้ 39 องศาก่อน แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่น่าจะกักตัวไว้แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกองทัพเรือ จัดตั้งศูนย์ดูแลสุขภาพ มีการตรวจวัดไข้สอบถามอาการทุกวัน และให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ชลบุรี (สคร.6) ร่วมดำเนินการ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการดูแลผู้เดินทางจากเกาหลีใต้นั้น เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ คมนาคม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มหาดไทย กลาโหม แรงงานและสวัสดิการสังคม การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น โดยจะมีการจัดกลุ่มผู้เดินทางเป็น 3 กลุ่ม คือ ชาวต่างชาติ ผู้เดินทางคนไทย และกลุ่มแรงงาน เมื่อมาถึงประเทศไทยจะมีจุดจอด และพื้นที่คัดแยกที่จำเพาะ หากพบว่ามีไข้ จะนำส่งโรงพยาบาลตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ แต่ในส่วนผู้ที่พบว่าวีซ่าการเดินทางหมดอายุ จะจัดรถเพื่อนำไปส่งยังพื้นที่ควบคุมโรคที่รัฐกำหนด หากเป็นผู้เดินทางอื่นๆ จะถูกส่งตัวไปพื้นที่ควบคุมโรค (Local Quarantine) ใกล้ภูมิลำเนา ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมไว้ โดยจะมีระบบเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วัน
นอกจากนี้ ในส่วนการติดตามผู้สัมผัสกับนักศึกษาชายไทยที่เดินทางกลับมาจากอิหร่าน พบว่า มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 157 ราย ได้ดำเนินการติดตามตัว เฝ้าสังเกตอาการ พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยมีบางคนเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ส่วนที่อยู่ในประเทศไทยทีมสอบสวนโรคได้ตามตัวเพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการว่าติดเชื้อหรือไม่
ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับชาวออสเตรเลียที่ป่วยเป็นโรคนี้หลังมาไทย เบื้องต้นมี 1 ราย และยังไม่กลับมาไทย ส่วนการจัดสรรหน้ากากอนามัยให้รอฟังการชี้แจงจาก นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในบ่ายวันนี้ แต่เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้เข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการจัดสรรและจะกระจายหน้ากากไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ให้มีเพียงพอ
พร้อมย้ำกับประชาชนให้เลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก ใส่หน้ากากแบบผ้า , กินร้อน ช้อนกลาง และหมั่นล้างมือ ซึ่งยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรค ส่วนผู้ที่สูบบุหรี่จัดเป็นกลุ่มผู้มีต้นทุนต่ำในการรับมือกับโรคนี้ เนื่องจากบุหรี่จะทำให้ปอดเสียหายมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับโรคนี้ที่จะเข้าไปทำลายปอดผู้ป่วยโดยตรง แต่ทั้งหมดก็ขึ้นกับภูมิต้านทานแต่ละคนด้วย
ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า ได้ซื้อยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่ชื่อ "ฟาวิพิราเวียร์" ที่จีนรับรองในการใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้ามาเพิ่ม 40,000 เม็ด และจีนบริจาคมาให้อีก 2,000 เม็ด รวมกับของเดิมที่มี 5,000 เม็ด รวมแล้วทำให้ตอนนี้มียาชนิดนี้ 50,000 เม็ด ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้ 1,000 คน และจะกระจายยาไปตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีความเสี่ยง ผู้ป่วยแต่ละคนตั้งแต่เริ่มป่วยจนหายจะต้องกินยานี้ประมาณ 50 เม็ด วันละ 4 เม็ด โรงพยาบาลเอกชนสามารถมาเบิกยาได้ อนาคตจะปรับตามสถานการณ์ หากผู้ป่วยมากขึ้นก็ต้องนำเข้ายาให้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี