สามสี่วันมานี้ คนในกรุงเทพฯและปริมณฑล คงไม่มีใครอดพูดไม่ได้ว่า “ร้อนเหลือเกิน”เนื่องจาก อากาศในตอนกลางวันที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ซึ่งหากเป็นไปอย่างต่อเนื่องอีกสักพัก กิจการ เครื่องทำความเย็น หรือ เครื่องปรับอากาศ คงมียอดจำหน่ายสูงขึ้น หรือ มีการเรียกช่างมาซ่อมแซมปรับปรุง อย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องให้ รัฐมนตรีพาณิชย์มาช่วยกระตุ้นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เท่าที่เป็นมา หากมองในช่วงปี 2559-2561 สถิติ การจำหน่ายเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย มีจำนวนสูงกว่า 1.5 ล้านเครื่องต่อปี ซึ่งหากมองถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมจะพบว่า เจ้าเครื่องปรับอากาศ เหล่านี้ จะมีการปล่อยน้ำยาแอร์สู่สิ่งแวดล้อมกว่า 1.7 ล้านกิโลกรัม เทียบเท่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซเรือนกระจกถึง 3 ล้านตัน ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นทั้งภาวะโลกร้อน และการลดลงของโอโซน
ในด้านของนักวิชาการที่มองลึกลงไปถึงปัญหาดังกล่าวนี้ พบว่า ในเครื่องปรับอากาศ 1 เครื่องจะใช้สารทำความเย็น ประมาณ 1-4 กิโลกรัม และทุกครั้ง ที่จะมีการปรับปรุงเครื่องปรับอากาศเก่าที่ไม่ค่อยจะเย็น จะต้องมีการจัดการน้ำยาแอร์เก่าออกเสียก่อน และเจ้าน้ำยาแอร์เก่านี่แหละที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นทั้งภาวะโลกร้อน และการลดลงของโอโซน
วันนี้ มีข่าวดี จากโครงการวิจัยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ) กระทรวงพลังงาน ออกมาเปิดเผยว่า ทีมงาน จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ได้ค้นพบและพัฒนาต้นแบบอุปกรณ์ดักจับสารทำความเย็นเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้สำเร็จ ซึ่งจะทำให้ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี
ทีมงาน จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ประกอบด้วย ผศ.ดร.เกรียงไกร อัศวมาศบันลือ เป็นผู้จัดการโครงการ ประกอบด้วย ผศ.ดร.พงศ์ธรพรหมบุตร ผศ.ดร.เจตวีย์ ภัครัชพันธุ์ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล และ รศ.ดร.ไพศาล คงคาฉุยฉาย จากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์
ผศ.ดร.เกรียงไกร อัศวมาศบันลือ ผู้จัดการโครงการ เปิดเผยว่า จากการสำรวจช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศ พบว่ากว่า 60% ปล่อยสารทำความเย็นเก่าสู่สิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน จึงร่วมกับทีมนักวิจัย ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องต้นแบบเพื่อกำจัดสารทำความเย็นอย่างถูกวิธีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตั้งเพื่อทดแทนของเดิม ควรจะต้องจัดเก็บสารทำความเย็นเก่าในภาชนะบรรจุที่เหมาะสม แล้วนำมากำจัดอย่างถูกวิธีด้วยเครื่องต้นแบบที่พัฒนาขึ้น โดยมีชุดอุปกรณ์ 2 ชุด ประกอบด้วย ชุดเตาเผาอุณหภูมิสูง เพื่อทำลายพันธะของสารทำความเย็น และชุดควบคุมมลพิษ เพื่อกำจัดมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ จากการทดสอบพบว่า สามารถทำลายสารทำความเย็นและกำจัดมลพิษได้ดี ถือเป็นโครงการนำร่องต้นแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนับเป็นการให้ความรู้และสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับช่างที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต้นแบบ กระบวนการและขั้นตอนการจัดการที่ถูกต้องอีกด้วย ซึ่งต่อไปจะมีการพัฒนาปรับปรุงเครื่องกำจัดสารทำความเย็นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นใช้พลังงานน้อยลง และสามารถใช้กับสารทำความเย็นได้หลากหลายชนิดเพิ่มมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี