เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ความคืบหน้ากรณี นางตึ่ง อายุ 67 ปี ชาว ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ต้องตกเป็นผู้ต้องหา เพราะพลั้งมือใช้มีดปลายแหลมที่ใช้สำหรับหั่นหมากพลู แทง นายสมศักดิ์ อายุ 46 ปี ลูกชายของตัวเอง ขณะที่เข้าไปห้ามและต่อว่าลูกชายไม่ให้ขโมยข้าวเปลือกในยุ้งไปขายซื้อเหล้าดื่ม แต่ลูกชายไม่พอใจพยายามจะทำร้ายแม่ จึงคว้ามีดจากตะกร้าหมากแทงสวนออกไป จนโดนบริเวณใต้ราวนมข้างซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ลูกชายไม่ยอมไปรักษาตัวกลับไปนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนเสียชีวิตที่บ้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเย็นของวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา และทางญาติก็ได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพของนายสมศักดิ์ ลูกชายที่เสียชีวิต ไปแล้วเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่าน
ล่าสุดวันนี้ ร.ต.อ.พิทักษ์ สิงห์คำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.คูเมือง เจ้าของคดี ก็ได้พายายตึ่ง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว ไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุบริเวณถนนหน้ายุ้งข้าว และจุดที่ลูกชายกลับมานอนเสียชีวิตเพื่อประกอบสำนวนคดี ซึ่งถือเป็นคดีอุฉกรรจ์ แต่ไม่ต้องใช้กำลังตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเห็นใจยายที่ตกเป็นผู้ต้องหา โดยขณะทำแผนคุณยายก็มีสีหน้าที่ค่อนข้างกังวล ซึ่งก็มีลูกสาวคนโต และเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวมารอให้กำลังใจคุณยายด้วย เพราะต่างเห็นใจและสงสารที่ยายต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และเชื่อว่ายายไม่ได้มีเจตนาจะแทงลูกชายจนเสียชีวิต แต่เป็นการป้องกันตัวที่ลูกชายพยายามจะเข้ามาทำร้ายมากกว่า และหลังเกิดเหตุผู้เป็นแม่ก็พยายามบอกให้ลูกไปหาหมอหลายครั้ง แต่ตัวลูกเองดื้อรั้นไปดื่มเหล้ากับเพื่อนต่อ ไม่ยอมไปหาหมอที่โรงพยาบาล แล้วกลับมานอนเสียชีวิตที่บ้านในที่สุด
ด้าน นายสมัย ชุมไธสง ส.อบต.ในหมู่บ้าน ที่มาดูการทำแผนชี้จุดเกิดเหตุด้วย ถึงกับร้องไห้เพราะความสงสารยาย ที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าลูกตัวเอง พร้อมกล่าวว่า สงสารยายมากที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ที่ผ่านมาลูกชายจะชอบมาขู่บังคับเอาเงินยายไปกินเหล้าประจำ และยายไม่มีเงินให้ก็จะขโมยข้าวเปลือกในยุ้งที่ลูกสาวคนโตแบ่งมาไว้ให้กินไปขาย จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้าน และคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการพลั้งมือหรืออุบัติเหตุมากกว่า ก็อยากจะวอนเจ้าหน้าที่ให้ความเมตตาและความเป็นธรรมกับยายด้วย และยืนยันว่าที่ผ่านมายายไม่เคยทำผิดมาก่อน และเป็นคนดี
ขณะที่ ยายตึ่ง ยอมรับว่า รู้สึกกังวลที่จะต้องถูกดำเนินคดีหรือติดคุกตอนแก่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เจตนาแทงลูกชาย เป็นการป้องกันตัวและพลั้งมือเท่านั้น แต่หากศาลตัดสินว่าอย่างไรก็พร้อมจะน้อมรับ ก็แล้วแต่ศาลท่านจะเมตตา ทั้งนี้ ยายตึ่ง ยังเล่าให้ฟังว่า วันที่เผาศพลูกชายศพไหม้ไม่หมด ซึ่งคนเฒ่าคนแก่เชื่อว่าน่าจะยังมีห่วงอยู่ ตนจึงไปจุดธูปบอกกล่าวลูกชายว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไร และขออโหสิกรรมต่อกัน หลังจากนั้นก็เผาศพได้หมด จึงสามารถเก็บกระดูกไว้ทำบุญ
เบื้องต้น ยายตึ่ง ถูกแจ้งข้อหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย" ขณะนี้อยู่ระหว่างปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากยายไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และรอมอบตัวเองตั้งแต่วันเกิดเหตุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี