“ก.แรงงาน” แจงมติ ครม. ว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ครอบคลุมโรคระบาดด้วย ย้ำแรงงานที่ไม่ได้ทำงาน นายจ้างจำเป็นต้องจ่ายเงินเดือน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 เปิดช่องนายจ้าง-แรงงานต่างด้าวลงทะเบียนอยู่ต่อได้
เมื่อเวลา 10 .00 น.วันที่ 25 มีนาคม 2563 ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงแนวทางดูแลผู้ใช้แรงงานในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาด ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติแก้กฎกระทรวง ว่าด้วยผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ให้ครอบคลุมกรณีโรคระบาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรค ตั้งแต่วันที 1 มีนาคม ถึง 31 สิงหาคม ปีนี้ โดยขยายเวลาส่งแบบเงินสมทบผู้ประกันตนงวดเดือนมีนาคม ให้ส่งภายในวันที่ 15 กรกฎาคม , งวดเดือนเมษายนให้ส่งใน 15 สิงหาคม , และงวดเดือนพฤษภาคมให้ส่งในวันที่ 15 กันยายน
ด้านนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า มีแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนและนายจ้างโดยลดหย่อนเงินสมทบในส่วนของนายจ้างลดหย่อนลงเหลือร้อยละ 4 ส่วนลูกจ้างลดหย่อนลงเหลือร้อยละ 1 โดยการนำส่งตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ให้ยืดออกไปอีก 3 เดือน และกรณีผู้ประกันตนที่นายจ้างไม่ให้ทำงานจากเหตุสุดวิสัย ให้รับเงินว่างงานร้อยละ 50 ของค่าจ้างไม่เกิน 180 วัน และกรณีหน่วยงานภาครัฐให้หยุดกิจการชั่วคราว ให้รับเงินกรณีว่างงานร้อยละ 50 ของค่าจ้างไม่เกิน 60 วัน ส่วนผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระก็สามารถได้สิทธิ์เดือนละ 5,000 บาท ตามที่กระทรวงการคลังให้ไว้
ส่วนนายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมฝีมือแรงงาน กล่าวว่า ทางกรมมีแนวทางการฝึกอาชีพ
ให้แก่แรงงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงาน กลุ่มเป้าหมาย 390 รุ่นทั่วประเทศ ประมาณ 8,000 คน ใช้งบประมาณ 33 ล้านบาท ระยะเวลาฝึก 50 วัน และการฝึกแรงงานในระบบการจ้าง โดยพัฒนาทักษะเพิ่มเติมให้สูงขึ้น เพื่อให้มีทักษะการทำงานดีขึ้น เป็นระยะเวลา 1 เดือน เช่น หลักสูตรการใช้อินเทอร์เน็ตในการทำงาน การเขียนแบบคอมพิวเตอร์ มีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 7,000 คน 350 รุ่น ใช้งบประมาณ 35 ล้านบาท
ด้านนายเชิดศักดิ์ วิสุทธิกุล ผู้ตรวจราชการกรม กรมการจัดหางาน กล่าวถึงการจัดการแรงงานต่างด้าวที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 หากประสงค์ที่จะทำงานต่อให้มารับใบขออนุญาตทำงานภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่สำนักงานกรม และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ one stop service ในกรุงเทพมหานคร 4 แห่ง และภูมิภาค 38 แห่ง และนายจ้างสามารถยื่นบัญชีรายชื่ออนุมัติทางออนไลน์ได้ภายในวันที่ 31 มีนาคม เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามสามารถอยู่ชั่วคราวต่อไปได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยยกเว้นค่าปรับอยู่เกินกำหนด
ส่วนนายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ชี้แจงกรณีสถานประกอบการที่หยุดกิจการชั่วคราวว่า ในข้อกฎหมาย หากมีเหตุจำเป็นก็สามารถหยุดกิจการชั่วคราวได้ แต่การจ่ายเงินให้กับลูกจ้างอาจจะไม่สามารถจ่ายได้เต็มตามที่ลูกจ้างได้รับ แต่ก็ต้องจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของลูกจ้างได้รับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
“ส่วนกรณีที่ลูกจ้างถูกบังคับให้เซ็นลาออก ถือเป็นเจตนามิชอบ จึงเป็นการลาออกด้วยความมิชอบ ส่วนลูกจ้างที่กังวลใจ ปัญหาสุขภาพ และขอกักตัว 14 วัน จะได้รับสิทธิหรือไม่นั้น อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ยืนยันว่า คงต้องใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์ พูดคุยกัน แต่แนะนำให้ใช้สิทธิ์ ลาป่วยตามกฎหมาย ได้ 30 วัน ลาพักร้อน ตามสิทธิ์ที่มีไปก่อน” นายอภิญญา กล่าว
ขณะที่นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานจัดตั้งศูนย์สถานการณ์รองรับการว่างงาน โดยเป็นศูนย์ทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะดูว่าบริษัทใดต้องการความช่วยเหลือ ช่วยประสานกันระหว่างลูกจ้าง นายจ้าง และผู้ประกอบการ เป็นศูนย์รวมข้อมูล เช่นผู้ประกอบการที่ต้องการตำแหน่ง ต้องการจ้างเพิ่มก็ยังมีหลายตำแหน่ง และได้จัดตั้งศูนย์ Part Time ซึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชนอีกส่วนหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี