จากสถานการณ์ความเดือดร้อนของผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในขณะนี้ ที่ล่าสุดบอร์ดสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติเลื่อนการออกรางวัลจากวันที่ 1 เมษายน ไปเป็นวันที่ 2 พฤษภาคม และงดการจำหน่ายสลากไป 2 งวด คือ งวด 16 เมษายน และ 2 พฤษภาคม 63 โดยจะคืนเงินให้แก่ผู้ที่ทำรายการจองสลากล่วงหน้างวดวันที่ 16 เมษายน และมีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนการจำหน่ายสลากมาสู่ช่องทางออนไลน์ แบบไม่กระทบผู้ขายทั้งหมด
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ให้ความเห็นว่า นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ภาคประชาชนมีความเห็นที่สอดคล้องกับทางสำนักงานสลาก แต่ก็ไม่ใช่จะเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด ประการแรก เห็นด้วยกับการงดการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 จะคลี่คลาย เพราะหากยังคงให้ผู้ค้าขายสลากต่อไป จะมีโอกาสทั้งเจ็บคือขาดทุน และป่วยคือได้รับเชื้อโควิด-19 และอาจแพร่กระจายเชื้อต่อ และหากรัฐบาลประกาศนโยบายล็อคดาวน์ที่เข้มข้นขึ้นจนถึงการห้ามออกจากที่พักอาศัย ผู้ค้าจะไม่สามารถขายสลากได้เลย
ประการที่สอง อยากให้สำนักงานสลากดูแลช่วยเหลือผู้ค้าสลากรายย่อยด้วย เพราะผู้ค้ารายย่อยคือผู้ที่ทำคุณประโยชน์แก่สำนักงานสลากมากที่สุด เป็นผู้ทำให้กิจการสลากอยู่มาได้อย่างยาวนาน สำนักงานจึงควรมีน้ำใจต่อผู้ค้าที่เดือดร้อนในภาวะนี้ด้วย น่าเสียดายที่ในการแก้ไข พ.ร.บ.สลาก พ.ศ.2562 สำนักงานสลากได้ตัดมาตราว่าด้วย "กองทุนสลากฯ เพื่อพัฒนาสังคม" ออกไป เพราะหากยังคงมีกองทุนนั้นอยู่จะสามารถนำมาสร้างระบบสวัสดิการให้แก่ผู้ค้าสลากได้ เพื่อดูแลยามเจ็บไข้ได้ป่วย หรือประสบความเดือดร้อนอื่นๆ
ประการที่สาม ขอสนับสนุนนโยบายของสำนักงานสลากฯ ในการสนับสนุนเงินให้แก่กิจการทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อจัดหาทรัพยากรจำเป็นในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย หากในวิกฤตการณ์นี้สำนักงานสามารถช่วยเพิ่มการสนับสนุนที่มากขึ้น ก็จะถือเป็นการทำคุณอย่างใหญ่หลวง
ที่สำคัญคือ ประการที่สี่ ขอให้สำนักงานสลากฯ ใช้เวลาช่วงนี้เตรียมความพร้อมในการจำหน่ายสลากผ่านระบบแอพพลิเคชั่น เมื่อสถานการณ์ของโรคโควิด-19 คลี่คลาย และพร้อมจะเริ่มกลับมาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง จึงเริ่มดำเนินการจำหน่ายสลากผ่านระบบแอพพลิเคชั่น ด้วยการลดจำนวนสลากใบลง เหลือไว้เพียงจำนวนหนึ่งสำหรับผู้ค้าที่เป็นผู้พิการ ผู้สูงอายุที่ยังจำเป็นต้องประกอบอาชีพ และผู้มีรายได้น้อยที่เข้าไม่ถึงโอกาส ทั้งนี้ ต้องรักษาเพดานของจำนวนสลากไว้ไม่ให้เพิ่มมากกว่าจำนวนเดิมที่ 100 ล้านใบ หรือน้อยกว่าจำนวนเดิม
"ระบบแอพพลิเคชั่นนี้ให้นำมาใช้สำหรับจำหน่ายสลากหกหลักหรือสลากเดิม โดยไม่มีความจำเป็นต้องออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อย่างสลาก 12 นักษัตร หรือล็อตโต้ หรืออื่นๆ เพราะเป็นที่ยืนยันแล้วว่าการแก้ปัญหาด้านผลิตภัณฑ์ เช่น การพิมพ์สลากเพิ่มมากว่า 200% การออกสลากรวมชุด 2 ใบ ไม่ได้ทำให้ราคาสลากลงมาที่ 80 บาทได้ และก็ไม่ได้ทำให้การเล่นหวยใต้ดินของประชาชนลดลง ผลสำรวจของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันชัดเจนว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไม่ได้เล่นหวยใต้ดินลดลง และยังเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วย ซึ่งเป็นที่เชื่อได้ว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งสองอย่างได้ ฉะนั้น การแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนช่องทางการจำหน่ายคือการแก้ที่ตรงจุดที่สุด เพราะจะทำให้อิทธิพลของปั๊วหมดไป เมื่อคนมาซื้อสลากจากสำนักงานโดยตรง" เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุ
ขณะที่ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ขอเสนอให้ สนง.สลากฯ ระงับการออกสลากไปอย่างไม่มีกำหนด รอจนสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง แล้วค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่ เพราะช่วงนี้รัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีรายได้เพื่อจับจ่ายใช้สอยที่จำเป็น และพยายามที่จะกระจายเงินออกไปสู่ประชาชน แต่หากรัฐบาลยังคงออกสลากอยู่ จะเป็นการดูดเงินออกจากมือประชาชนกลับมาสู่รัฐ ซึ่งจะกลับกลายเป็นการกระทำในทางตรงกันข้าม ถึงจะมีใครเถียงว่าถ้าการถูกหวยจะทำให้มีเงินใช้ แต่มันจะได้เพียงคนส่วนน้อยไม่ถึงหยิบมือเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่คือคนเสีย การหยุดจำหน่ายสลากในช่วงนี้ยังจะช่วยทำให้การเล่นหวยใต้ดินของประชาชนลดลงไปพร้อมๆ กันด้วย
"เมื่อเลื่อนการออกสลากไปแล้ว ถือเป็นจังหวะทองที่รัฐบาลจะเลิกวิธีการขายหวยกระดาษ เปลี่ยนมาขายทางแอพพลิเคชั่นได้เลย เพื่อใช้ระบบนี้แก้ปัญหาสลากแพง และจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลอย่างยิ่ง เพราะจะเกิดการประหยัดต้นทุนจากการจำหน่ายสลากใบ ทั้งค่าพิมพ์ ค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ และที่สำคัญคือ ส่วนที่ต้องแบ่งไปให้ผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายเล็ก รัฐจะได้เงินคืนกลับมามากกว่า 17% คิดเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท เอามาทำประโยชน์ได้มากมาย รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ค้าสลากใบที่มือดีขาดีตาดี เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นได้ มองมุมบวกคือโควิด-19 เป็นโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงดีๆ ให้เกิดขึ้นได้" รศ.ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี