จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย  รวมยอดผู้ป่วยสะสม 32 ราย โดยผู้ป่วยยืนยันใหม่รายแรกมีประวัติเดินทางกลับมาจากภูเก็ต ส่วนรายที่สองมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อก่อนหน้านี้

30 มีนาคม 2563 ) เวลา 15.00  น.พ.กิตติพันธุ์ ฉลอม นายแพทย์ชำนาญการ สำนักระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่​ เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย  รวมยอดผู้ป่วยสะสม 32 ราย โดยผู้ป่วยยืนยันใหม่รายแรกมีประวัติเดินทางกลับมาจากภูเก็ต ส่วนรายที่สองมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อก่อนหน้านี้​

รายที่ 1 เป็นผู้ป่วยหญิง มีประวัติการทำงานอยู่ในบาร์ที่จังหวัดภูเก็ต ทำงานจนถึงวันที่ 18 มีนาคม แล้วเดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่วันที่ 19 มีนาคมด้วยเที่ยวบิน FD3161  จากท่าอากาศยานภูเก็ตมาท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ผู้ป่วยเริ่มมีอาการ มีไข้ปวดศีรษะ​ จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลในวันที่ 28 มีนาคม แล้วทราบผลตรวจวันนี้ คือตรวจพบเชื้อโควิด19 ตอนนี้กำลังประสานส่งต่อ

สำหรับผู้ป่วยรายที่ 2 ที่ได้รับการยืนยัน เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 30 ปีเชื่อมโยงกับกลุ่มที่มีการระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมา มีประวัติเสี่ยงคือเป็นแฟนของผู้ป่วยโควิทช์ 19 ที่กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล ผู้ป่วยเริ่มมีอาการวันที่ 23 มีนาคม รายนี้แยกตัวอยู่ที่บ้านเมื่อทราบว่าตัวเองมีประวัติเสี่ยงจนมีอาการเพิ่มขึ้น จึงไปที่โรงพยาบาลตรวจหาเชื้อโควิด​19​ ผลตรวจติดเชื้อโควิด​19​ ตอนนี้กำลังติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอีก 3 รายที่ไปหาผู้ป่วยที่บ้าน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่มีประวัติเสี่ยงในการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน ที่เดินทางโดย เที่ยวบินที่ FD3431 ดอนเมือง–เชียงใหม่ วันที่ 18 มีนาคม ,  เที่ยวบินที่ FD3161 ภูเก็ต–เชียงใหม่ วันที่ 19 มีนาคม , และเที่ยวบินที่ FD3425 ดอนเมือง–เชียงใหม่ วันที่ 21 มีนาคม และผู้ที่มีประวัติเดินทางไปยังสถานบันเทิงต่างๆ ได้แก่ ร้านตะวันแดง ร้าน Take it ร้าน Pretty Xclusive club ร้าน Sound up และร้าน WB pub ให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 14 วัน หากมีอาการไข้ ร่วมกับอาการทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์ใกล้บ้านทันที 

นอกจากนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ยังได้เตรียมมาตรการในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หากมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น โดยได้เตรียมโรงพยาบาลไว้รองรับสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ พร้อมทั้งเตรียมโรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ และโรงพยาบาลสันกำแพง ไว้รองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนัก