‘ณัฏฐพล’กำชับดูแลครูฝ่าโควิด บอร์ดองค์การค้าฯเล็งหั่นเงินเดือน มั่นใจพิมพ์หนังสือเรียนทันกำหนด
31 มีนาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงผลการประชุมผู้บริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และการประชุมผู้บริหาร สกสค. เมื่อเร็วๆนี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ปีการศึกษา 2563 ซึ่งทางองค์การค้าฯยืนยันว่าหากเปิดภาคเรียนได้ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 สามารถจัดส่งหนังสือได้ทันและครบถ้วนอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ในหลายๆพื้นที่ได้รับหนังสือเรียนบ้างแล้ว
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ส่วนสถานะหนี้สินขององค์การค้าฯที่ถูกบังคับคดี และถูกอายัดบัญชีอยู่นั้น ที่ผ่านมาที่ประชุมฯได้มีการพิจารณาอนุมัติให้องค์การค้าฯกู้เงิน สกสค.ไปชำระหนี้แล้ว จำนวนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อไม่ให้มีผลกระทบในวงกว้างกับสมาชิกของ สกสค. เพราะหากไม่ใช้หนี้ก็ไม่ทราบว่าทางคู่ความจะเสนอให้อายัดบัญชีอื่นๆขององค์การค้าฯอีกหรือไม่ ดังนั้นทางองค์การค้าฯ จึงปิดปัญหาตรงนั้นเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาเรื้อรังในอนาคตก็ยอมรับว่าองค์การค้าฯยังมีภาระหนี้สินที่หนักอยู่ แต่จากขบวนการที่เข้าไปบูรณาการหรือบริหารจัดการใหม่ ก็เห็นภาพที่ชัดขึ้นในเรื่องของการบริหารจัดการวันต่อวัน เดือนต่อเดือน และงานรายปี และได้เห็นโครงสร้างการชำระหนี้ขององค์การค้าฯ ซึ่งเหมาะสมและทำให้องค์การค้าฯมีสภาพคล่อง สามารถดำเนินการไปจนถึงปีการศึกษาหน้า ฉะนั้นในเรื่องของกระบวนการผลิตหนังสือเรียน ตนมั่นใจหากมีการบูรณาการและนำองค์ประกอบทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกัน เราจะสามารถควบคุมกระบวนการผลิตหนังสือเรียนได้ และไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ
“ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ที่ประชุมได้หารือถึงการลดเงินเดือนพนักงานองค์การค้าฯ โดยให้ ผอ.และรองผอ.องค์การค้าฯ ไปหารือกันว่าในช่วงวิกฤตนี้ จะสามารถปรับโครงสร้างองค์กรได้อย่างไร ซึ่งเหมือนกับหลายๆองค์กรในประเทศไทย ที่ต้องใช้โอกาสนี้มาพิจารณาถึงความเหมาะสมที่ควรจะเป็น ส่วนรายได้อื่นๆขององค์การค้าฯก็มี เช่น การนำหนังสือเข้าไปใช้ทางระบบออนไลน์ และให้องค์การค้าฯไปหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล เพื่อนำสาระต่างๆที่สำคัญกว่าหนังสือ ที่องค์การค้าฯมีอยู่ลงไปในระบบดิจิทัล ซึ่งผมอยากให้นำเทคโนโลยีและดิจิทัลต่างๆมาผสมผสานเพื่อให้การเรียนการสอนมีความตื่นเต้นและมีชีวิตชีวามากขึ้น และเป็นที่น่าสนใจของเด็กมากขึ้นด้วย ทางองค์การค้าฯก็รับโจทย์ไปหารือกับส่วนต่างๆ ทั้ง สพฐ.และอาชีวะ เพื่อหาทางดำเนินการต่อไป” รมว.ศธ กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนได้ขอให้องค์การค้าฯนำหนังสือที่มีอยู่มาให้คนตาบอดใช้ โดยเฉพาะดิจิทัลไฟล์ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งในอดีตยังไม่เคยทำตรงนี้ เพราะมีความกังวลว่าเมื่อให้ไฟล์ข้อมูลไปแล้วจะถูกนำไปทำเป็นหนังสือขาย แต่ตนมองว่า เมื่อขบวนการจัดพิมพ์หนังสือขององค์การค้าฯ เสร็จแล้ว ก็สามารถส่งดิจิทัลไฟล์ให้คนตาบอดได้ เพื่อเป็นประโยชน์กับสังคม
นายณัฏฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในส่วนของ สกสค.นั้น ที่ประชุมได้พิจารณาถึงการวางแผนการทำงานในช่วงระยะเวลา 3 ปี คือ ปี 63-64-65 ว่า ในแผนงานที่วางไว้นั้นควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ ก็เริ่มเห็นภาพชัดขึ้นในการบริหารจัดการที่ลดค่าใช้จ่าย การบริหารงานที่โปร่งใส และมีการติดตามเรื่องต่าง ๆที่เคยมีปัญหาอยู่
“นอกจากนี้ตนได้ย้ำให้ทั้ง องค์การค้าฯ และ สกสค. ดูแลเรื่องสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับคุณครู ซึ่งผมย้ำเหมือนกับที่ย้ำหน่วยงานอื่นให้ดูแลบุคลากรทั่วไปของกระทรวงศึกษาฯ ว่าในช่วงวิกฤตนี้ไม่ให้มีผลกระทบ ส่วนความเหมาะสมในการดูแลในอนาคต ก็ให้ใช้ช่วงเวลานี้วางแผนกัน หวังว่าถ้าไม่มีผลกระทบอะไรกับสถานะของสถาบันการเงินต่างๆ แผนที่จะช่วยเหลือครูให้มีสภาพทางการเงินที่คล่องขึ้นก็ยังคงมีอยู่ ส่วนจะไปทับซ้อนกับการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ผ่านสถาบันการเงินที่จะช่วยเหลือนั้นก็จะต้องมีความเหมาะสม ซึ่งสุดท้ายแล้วบุคลากรทางการศึกษา ก็น่าจะมีความคล่องตัวพอที่จะสามารถอยู่ได้ในภาวะที่ทั่วโลกกำลังวิกฤต เราคงไม่ปล่อยให้ใครในกระทรวงศึกษาฯมีปัญหา” รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี