ชาวบ้านเผยใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิม “เผาชน” ปกป้องป่า-ชิงเผาเชื้อเพลิงก่อน วอนสังคม-ภาครัฐเข้าใจ เผยเหตุไฟไหม้แรงบนดอยสุเทพ เพราะทางการประกาศเป็นเขตหวงห้าม
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2563 สภาลมหายใจเชียงใหม่ ได้จัดเสวนาทางระบบออนไลน์ในหัวข้อ “ชุมชนชาติพันธุ์กับการจัดการฝุ่นควัน ในสถานการณ์โควิด” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจ จ.เชียงใหม่ นายประยงค์ ดอกลำใย ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนเอกชน (กป.อพช.) นางรินรดา สุต๋า ผู้ใหญ่บ้านบ้านกอก ต.เชียงกลาง อ.เชียงกลาง จ.น่าน นายชัยธวัช จอมติ ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงบ้านหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย นายพฤ โอโดเชา ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงบ้านป่าคา อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ นายบัญชา มุแฮ ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงดอยช้างป่าแป๋ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน นายสมชาติ รักษาสองพลู ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกลาง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นายอภินันท์ ธรรมเสนา หัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารความรู้และเครือข่ายสัมพันธ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) โดยมีนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือเป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งนี้ก่อนเสวนาได้มีการไว้อาลัยผู้เสียชีวิต 5 รายจากการดับไฟป่า
นายบัญชา มุแฮ ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงดอยช้างป่าแป๋ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน กล่าว่า วันนี้ยังมีไฟไหม้ป่าในจังหวัดลำพูน ซึ่งชุมชนได้ใช้ทุกวิธีการดับไฟ ทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมโดยชาวบ้านช่วยกันสังเกตว่าเกิดควันไฟบริเวณไหน โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไปเลี้ยงวัวควายก็จะรายงานให้ทราบ และกลุ่มเยาวชนใช้โดรนบิน โดยมีผู้ทำหน้าที่ม้าเร็ว เข้าไปสำรวจและดับไฟ อีกวิธีการหนึ่งคือใช้วิทยุสื่อสารซึ่งได้ประโยชน์มาก นอกจากนี้เรายังนำถังน้ำมันไปตั้งไว้เพื่อบรรจุน้ำ และยังมีการขุดบ่อน้ำในป่าด้วย ทุกวันนี้ยังใช้วิธีกการลาดตระเวนและเผาชน ซึ่งการ “เผาชน” คือการเผาจากข้างบนลงไปข้างล่างที่เป็นจุดที่ไฟไหม้ป่า
“พื้นที่ป่าของเราเป็นป่าดงดิบ รอยต่อป่าเต็งรัง แต่ระยะหลังภาวะโลกร้อนทำให้ไฟไหม้ข้ามเข้ามมา และเสียหายหนัก ชุมชนประเมินว่าเราควรใช้วีธีการเผาชน เพราะแม้มีการทำแนวกันไฟกว้าง แต่ถ้าไฟขึ้นมาบวกกับกระแสลม แม้แต่ต้นไม้ดิบไฟยังไหม้ ดังนั้นวิธีการที่จะรักษาได้คือการชิงเผาจากข้างบนลงล่าง เราประเมินว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดทเราทำแนวกันไฟและเผาชนทุกที่ เพราะทำให้การไหม้ไม่รุนแรงและไม่ก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อเพลิง บางพื้นที่ที่ไม่สามารถทำแนวกันไฟได้ เราใช้ระบบสปริงเกอร์ซึ่งกระจายน้ำได้กว้าง แต่บางจุดก็มีไฟฟื้นขึ้นมาอีกเพราะเราไม่ได้ดับที่ท่อนซุงขนาดใหญ่ซึ่งถูกไฟไหม้ ดังนั้นเราต้องตรวจสอบและใส่ใจรายละเอียดเยอะมาก” นายบัญชา กล่าว
นายชัยธวัช จอมติ ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงบ้านหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ชาวบ้านดูแลป่า 15,000 ไร่ โดยการจำแนกพื้นที่ป่าซึ่งมีทั้งป่าเต็งรังและป่าดิบเขา โดยป่าดิบเขาไม่ควรให้เกิดไฟไหม้เลยเพราะจะเสียหายหนัก ดังนั้นจึงได้ทำแนวกันไฟรอบๆ โชคดีที่หมู่บ้านหินลาด อยู่บนภูเขาสูงทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ซึ่งมีกลุ่มเยาวชนเคลื่อนไหวเร็วและประเมินแนวเขตได้ วิธีการดับไฟคือเราจะประเมินพื้นที่ก่อน ถ้าอยู่ในพื้นที่ลาดชันก็ใช้วิธีเผาชนคือสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ค่อยๆ จุดไฟไปเรื่อยจนชนกับไฟที่กำลังไหม้ แต่ถ้าเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ที่ไม่เสี่ยงมากเช่นพื้นที่ราบ เราใช้น้ำนำหน้า ตามด้วยมีดและเครื่องเป่าลม ที่ผ่านมาชุมชนไม่เคยสูญเสียถึงขั้นชีวิต สิ่งสำคัญในการเผาชนต้องมีการประเมินก่อน และต้องหลีกเลี่ยงทิศทางลม
“ต้นเหตุของไฟไหม้ป่าแถวห้วยหินลาดในส่วนใหญ่ มีกลุ่มคนรู้เท่าไม่ถึงการเข้ามาล่าสัตว์บ้าง และจุดไฟ แต่พวกเราต้องไปดับไฟเพราะไม่ต้องการให้ลามเข้ามา เรามีหน่วยลาดตระเวนไปนอนเฝ้าตอนกลางคืน และใช้โดรน เราเปิดโอกาสให้คนในเมืองเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น แสดงความเป็นเจ้าของป่าร่วมกัน ส่วนใหญ่ไฟป่าลามมาจากพื้นที่อื่น” นายธวัชชัย กล่าว
นางรินรดา สุต๋า ผู้ใหญ่บ้านบ้านกอก ต.เชียงกลาง อ.เชียงกลาง จ.น่าน กล่าวว่าชุมชนดูแลพื้นที่ป่ากว่า 10,000 ไร่ เมื่อเกิดไฟไหม้ป่า ชุมชนก็ไปดับ โดยมีเวรยามและใช้โทรศัพท์สื่อสาร หากพื้นที่ที่ไฟไหม้ไปลำบากหรือลาดชัน เราก็ใช้วิธีเผาชนแต่ต้องดูทิศทางลมและสุขภาพของชาวบ้านด้วย หากใครไม่แข็งแรงก็ไม่ให้ไป พื้นที่ที่เป็นกิ่งไม้เล็กๆ จะดับง่ายแต่ถ้าเป็นไม้ใหญ่บางทีต้องเฝ้า 3-4 วัน การใช้น้ำไปดับลำบากเพราะเป็นพื้นที่สูงชัน เราจึงพยายามทำแนวกันไฟและเผาชน ถ้าชุมชนไม่ช่วยกันจะทำไม่ทัน
“ปีนี้แล้งกว่าปีก่อน ไฟป่ามาไวมาก หน่วยงานราชการขึ้นมาลำบากเพราะพื้นที่ไฟไหม้อยู่ไกลจากหมู่บ้าน ชุมชนมีส่วนร่วมทุกหลังคาเรือน และช่วยกันหิ้วน้ำไป พวกเราไม่อยากเป็นจำเลยสังคม พอเกิดไฟไหม้ป่าก็หาว่าเราเป็นต้นเหตุ แต่เราก็ต้องไปดับทุกที” นางรินรดา กล่าว
นายสมชาติ รักษาสองพลู ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงบ้านกลาง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กล่าวว่าสถานการณ์ตอนนี้หนักพอสมควรทั้งไวรัสโควิด และไฟป่า แต่โควิดก็มีข้อดีที่ชาวบ้านได้กลับมาและเยาวชนก็ช่วยกันดับไฟป่า จริงๆ แล้วเรื่องการอนุรักษ์และดับไฟป่าของเรากว่า 20,000 ไร่ ตนได้ถามพ่อซึ่งบอกว่าสมัยก่อนไม่ได้มีไฟป่าหนักขนาดนี้ เพราะชาวบ้านชิงเผาก่อน ตอนนี้พ่ออายุ 70 ปีบอกว่าไม่เคยเจอไฟหนักและควันเยอะขนาดนี้ แม้ชาวบ้านยังเอาอยู่ แต่อนาคตไม่แน่ เพราะการไม่ให้ควันและไฟเข้ามาเลย บางทีอนาคตอาจกลับมาทิ่มแทงเรา ดังนั้นเราต้องทบทวนเรื่องเชื้อเพลิงเพราะหากไฟไหม้ทุกปี ไฟป่าจะไม่รุนแรง แต่ถ้าการสะสมของเชื้อเพลิงมากขึ้นเช่นปีนี้ เมื่อเกิดไฟก็จะรุนแรง วิธีการอนุรักษ์มีหลายวิธีการ ไม่ใช่แค่ทำแนวกันไฟ แม้จะมีเทคโนโลยีทันสมัย แต่ก็เอาไม่อยู่ถ้ามีการสะสมเชื้อเพลิง ดังนั้นจำเป็นต้องชิงเผา ปีนี้เราเจอหนักที่สุด
“ไฟไหม้ป่าที่ดอยสุเทพจนเอาไม่อยู่ เพราะสมสมเชื้อไฟมานาน และดับไม่ได้เพราะชาวบ้านก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เนื่องจากประกาศเป็นเขตหวงห้าม จริงๆ แล้วถ้าใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน และให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมจัดาการ ชาวบ้านเขาจะรู้หมด และหาวิธีการจัดการป่าได้” นายสมชาติ กล่าว
นายอภินันท์ ธรรมเสนา หัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารความรู้และเครือข่ายสัมพันธ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ควรทำคือการจัดการความรู้ของหน่วยงานราชการเพราะเท่าที่ฟังหลายพื้นที่ต่างมีภูมิปัญญาในการจัดการ เป็นไปได้หรือไม่ในอนาคตให้ชุมชนเข้ามามีส่วนมากขึ้น การอนุรักษ์แบบเดิมที่กันคนออกนอกพื้นที่อาจเป็นผลเสียมากว่าผลดี
นายพฤ โอโดเชา ตัวแทนชุมชนกะเหรี่ยงบ้านป่าคา อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าไฟป่าเข้ามาต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์ ซึ่งปีนี้เป็นสถานการณ์ที่แปลก พอดับเสร็จและทำแนวเขตแล้วแต่ก็เกิดไฟอีกและจุดกันยาวเหยียด ชาวบ้านต้องกระจัดกระจายกันไปดับ บางครั้งไฟก็เกิดจากลูกสนที่ไหม้ไฟแล้วกลิ้งลงไปข้างล่าง ตอนนี้ไฟลามไปเยอะมาก เรากันไฟที่จะไหม้มาทางหมู่บ้านได้ พยายามกันไม่ให้ไฟลามเข้ามาป่าชั้นใน แต่ในพื้นที่ไกลๆ สูงๆ ชันๆ ก็เอาไม่อยู่ ที่บ้านแม่ลานคำไม่เคยมีไฟไหม้มาแล้ว 27 ปี แต่ปีนี้ไฟไหม้จนชาวบ้านต้องไปดับกันถึง 8 ครั้ง ส่วนบ้านป่าคาของตนไปดับไฟเป็นครั้งที่ 9 แล้ว
“ในการดูแลไฟป่ามีอยู่ 2 ชุดความคิด แต่ละที่จัดการอย่างไรควรถามชาวบ้าน บางพื้นที่จำเป็นต้องชิงเผาก็ต้องอนุโลม ไม่เช่นนั้นจะเหมือนออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ควรสนับสนุนชาวบ้านเพราะไม่รู้พื้นที่ ถ้าพื้นที่ไหนเจ้าหน้าที่และชาวบ้านร่วมกันได้ก็เป็นเรื่องดี แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านมักไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย” นายพฤ กล่าว
นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจ จ.เชียงใหม่ อาจต้องทำให้สังคมไทยและคนในเมืองที่สำคัญคือภาครัฐเข้าใจมากขึ้นเพราะเมื่อฟังจากชาวบ้านคือเขาเข้าใจธรรมชาติของป่าและมีแผนที่ที่จำแนกป่า ซึ่งธรรมชาติของป่าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เราอาจจำเป็นต้องมีแผนที่ป่าชัดเจน ตรงไหนมีเชื้อเพลิงมาก ตรงไหนมีเชื้อเพลิงน้อย และธรรมชาติของป่านั้น การจะไม่ให้ไฟไหม้เลยเป็นไปไม่ได้ ถ้าเข้าใจก็จะได้นำไปบริหารเชื้อเพลิง สภาพแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันเลย ที่สำคัญต้องให้บทบาทกับภูมิปัญญาชาวบ้าน อาจร่วมมือกับความรู้สมัยใหม่ ส่วนของสภาลมหายใจเชียงใหม่พยายามเสนอให้เกิดการวางแผนร่วมกันระหว่างชุมชนกว่า 1,500 แห่งและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีแผนในการดูแลป่า ไฟและการจัดการเชื้อเพลิงอย่างไร รวมถึงเรื่องการจัดระบบสวัสดิการ และนโยบายจะต้องเปิดให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมมากขึ้น เราอยากเห็นกระบวนทัศน์ใหม่เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน
นายประยงค์ ดอกลำใย ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนเอกชน (กป.อพช.) กล่าวว่า ถ้าดูตัวเลขจุดความร้อนพบว่าสัดส่วนเกิดไฟไหม้ป่าอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อันดับ 1 และป่าสงวนเป็นอันดับ 2 ซึ่งไม่มีใครเข้าไปดูแลเพราะชาวบ้านไม่กล้าเข้าไป แต่พื้นที่ป่าชุมชนหรือป่าจิตวิญญาณของชาวบ้านนั้น เขาดูแลกันอยู่ จากบทเรียนไฟไหม้บนดอยสุเทพและที่ประชาชนช่วยกันนั้น เราควรมีการเปลี่ยนแนวความคิดโดยการกระจายอำนาจในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ใหม่โดยชุมชนเข้ามาดูแลและรัฐเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง
ดร.ชยันต์ กล่าวว่าปัญหาสำคัญคือสังคมยังขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้ไฟในป่า ซึ่งบางส่วนมีข้อเสนอว่าไม่ควรมีการเผาป่าเลย ขณะที่ชุมชนได้มีการใช้ไฟโดยคำนึงถึงระบบนิเวศป่าที่มีความแตกต่างหลากหลายเพื่อลดการสะสมของเชื้อเพลิงและต้องทำในช่วงเวลาที่เหมาะสม หากไม่ทำในบางช่วงก็จะเกิดไฟไหม้รุนแรง ดังนั้นทำอย่างไรถึงจะลดความขัดแย้งของคนที่มองว่าไม่ใช้ไฟเลยกับการใช้ไฟเมื่อมีความจำเป็น
ดร.ชยันต์กล่าวว่า ทำอย่างไรถึงจะได้มีการวางแผนร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่และชุมชนท้องถิ่นเพื่อจัดการปัญหาเรื่องของไฟไหม้ป่าและหมอกควันเพราะที่ผ่านมาผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เข้าใจว่าชาวบ้านใช้ไฟอย่างไร เรามีความจำเป็นต้องรวบรวบความรู้จากท้องถิ่นมาหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เราต้องอาศัยความร่วมมือของหลายๆฝ่าย เพื่อลดความแตกต่างในการมองปัญหามากกว่าการชี้นิ้วไปที่ชาวบ้านว่าเป็นต้นเหตุ ทำอย่างไรให้ชุมชนในเขตป่าได้มีส่วนร่วมในการจัดการไฟ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี