เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563 นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยว่า กรณีมีการโพสต์ข่าวและแชร์ข้อมูลการเสียชีวิตของชาวฮังการี ในโซเชียลมีเดีย ว่า ในรายของชายชาวฮังการี อายุ 25 ปี ได้ประสบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หรือศูนย์ไข่มุก ได้ช่วยเหลือ และนำส่งมาจากที่เกิดเหตุ โดยส่งยังโรงพยาบาลฉลอง ในเวลาประมาณ 04.30 น.ของวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา
ก่อนที่ในเวลาประมาณ 05.30 น.ได้นำส่งต่อมายังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งขณะนั้นผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ยังพูดคุยได้ โดยมีอาการชา แขนขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง และมีอาการมึนเมา โดยผู้ป่วยไม่ได้แจ้งประวัติความเสี่ยง ติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือประวัติการเดินทางมาพื้นที่เสี่ยงแต่อย่างใด
หลังจากมาถึงที่ รพ.วชิระภูเก็ต เจ้าหน้าที่ได้ทำการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย พบว่ากระดูกสันหลังต้นคอท่อนที่ 6 หัก และเส้นประสาทไขสันหลังบริเวณต้นคอได้รับบาดเจ็บ (ฉีกขาด) จึงได้ทำการผ่าตัดทันที ในเวลาประมาณบ่าย 15.30 น.ของวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยหมอสัญญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกสันหลัง 2 ท่าน รวมทั้งวิสัญญีแพทย์และพยาบาล หลังจากผ่าตัดผู้ป่วยรู้สึกตัวดี พูดคุยได้ แขนขาทั้งสองข้างยังขยับไม่ได้ เป็นผู้ป่วยที่นอนติดเตียง
หลังจากนั้นคนไข้ก็ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ต่อมาในวันที่ 27 มีนาคม มีการย้ายหวอดไปอีกตึกหนึ่ง ก่อนที่ในเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 28 มีนาคม คนไข้บ่นว่ามีอาการปวด แพทย์จึงให้ยาแก้ปวด และเริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ร่างกายมีการฟื้นฟูแขนขา
ต่อมาในวันที่ 29 มีนาคม เพื่อนจากซอยบางลาหาดป่าตอง มาเยี่ยม ทำให้ทางทีมแพทย์เริ่มสงสัยว่าผู้ป่วยจะมีประวัติไปเที่ยวที่บางลา มาหรือไม่ ก่อนทำการสอบถามอีกครั้ง เมื่อซักไปซักมาจนทราบว่าผู้ป่วยอยู่ที่บางลา ประมาณ 2 สัปดาห์ และก่อนหน้าที่จะมาที่ภูเก็ตนั้น ได้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย จึงสันนิษฐานว่าเป็นเคสที่มีความเสี่ยงต้องสงสัยโควิด-19 ทางแพทย์จึงได้ทำการตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ในวันที่ 30 มีนาคม และผลออกมาวันที่ 31 มีนาคม พบว่าเป็นบวก จึงเข้าสู่กระบวนการทันที
โดยพบว่า ผู้ป่วยมีอาการไม่ค่อยดี มีอาการไข้สูง และหายใจลำบากขึ้น จนกระทั่งวันที่ 2 เมษายน ก็พบว่ามีการติดเชื้อในกระแสเลือด และในวันที่ 3 เมษายน ก็ยังมีอาการเป็นไข้เริ่ม และมีอาการหยุดหายใจ ในเวลาประมาณ 02.40 น.ทีมแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถที่จะกู้ชีวิตผู้ป่วยได้
ทั้งนี้ สรุปสาเหตุของการตายในเคสนี้ได้ว่า เกิดจากไขสันหลังบาดเจ็บ เนื่องจากกระดูกสันหลังสุดของต้นคอหัก จากอุบัติเหตุจราจร ร่วมด้วยอาการปอดอักเสบจากการติดเชื้อโควิด-19 รวมระยะเวลาการรักษาในโรงพยาบาล 10 วัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจพอสมควร เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้แจ้งประวัติความสุ่มเสี่ยงโควิดตั้งแต่แรก ทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าไปช่วยเหลือกลายเป็นกลุ่มที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อทั้งหมด โดยจากการตรวจสอบพบว่า มีที่เข้าไปเกี่ยวข้องสัมผัสผู้ป่วยทั้งหมด 112 คน สัมผัสความเสี่ยงต่ำ 8 คน สัมผัสความเสี่ยงสูง 104 คน โดยใน 104 คน ให้พักเพื่อจะเก็บตัว 14 วัน แบ่งเป็นที่โรงแรมแกรนด์สุพิชฌาย์ , มอ.ภูเก็ต และที่บ้าน รวม 104 คน และขณะนี้ได้รับการตรวจไปแล้ว 94 คน พบว่าผลเป็นลบ และรอตรวจอีก 18 คน
ทั้งนี้ เรื่องที่ต้องฝากไปถึงสื่อมวลชน เพื่อแจ้งไปถึงประชาชนและนักท่องเที่ยว หากรายใดที่มีประวัติชัดเจนขออย่าได้ปิดบังข้อมูล เพราะจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเพิ่มเติมทราบว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 25 มีนาคม 2563 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หรือศูนย์ไข่มุก ได้รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวขับขี่รถ จยย.ล้มเอง ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณซอยสามัคคีซอย 2 บ้านใสยวน ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งหลังรับแจ้งได้เดินทางไปตรวจสอบ เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จึงรีบปฐมพยาบาลก่อนนำส่ง รพ.ฉลอง ทั้งนี้ ทราบชื่อคือ Mr.Kristof Lenart อายุ 25 ปี จากการสอบถามทราบว่า ได้ขับขี่รถ จยย.พร้อมเพื่อนอีก 4 คน ก่อนรถ จยย.เสียหลักล้มเอง ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี