'ธนกร'ลงพื้นที่เชียงใหม่-ลำพูน จับเข่าคุยผู้ประกอบการพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เน้นย้ำอุตสาหกรรมยุคใหม่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

'ธนกร'ลงพื้นที่เชียงใหม่-ลำพูน จับเข่าคุยผู้ประกอบการพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เน้นย้ำอุตสาหกรรมยุคใหม่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.43 น.

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพลวศุตม์ มหาเอี่ยมศิริ ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา  อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพรยศ  กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม  นายสุรพล ปลื้มใจ นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเตมีย์ พันธุวงค์ราช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนางสาวจิรัฐิติกาล จันทราทิพย์  ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหารือแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ โดยมี นายสงกรานต์  มูลวิจิตร อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย และนางสาวจินดา ธนาดำรงค์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะฯ ได้เยี่ยมชม 3 จุดหลัก ได้แก่ จุดที่ 1 ศูนย์พัฒนากาแฟไทย (DIPROM Thai Coffee Center) ซึ่งเป็นศูนย์กลางพัฒนาและยกระดับกาแฟอะราบิก้าภาคเหนือแบบครบวงจร (Northern Boutique Arabica Hub) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยมีการพัฒนา ทดสอบ และถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านคุณภาพ มาตรฐาน การคั่ว-ชง-ชิม แปรรูป และบ่มเพาะผู้ประกอบการ ภายใต้โมเดล "DIPROM CAFÉ" จุดที่ 2 ศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมเครื่องเขินภาคเหนือ (DIPROM Northern Lacquerware Center) ซึ่งเป็นการสืบทอดภูมิปัญญาหัตถกรรมของภาคเหนือ ผ่านการยกระดับจากงานฝีมือดั้งเดิม (Craftsmanship) สู่ความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) รวมถึงยกระดับมูลค่าเครื่องเขินเชื่อมโยงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่ตลาดสากล และจุดที่ 3 ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (DIPROM ITC) เป็นศูนย์ที่สนับสนุน SMEs และวิสาหกิจชุมชนในกลุ่มเกษตรแปรรูปและอาหาร ให้สามารถปรับตัวและพัฒนาเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมยุคใหม่ โดยให้บริการทดสอบการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงให้บริการเครื่องมือและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเพื่อสนับสนุนการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Pilot Plant) และให้คำปรึกษาแนะนำด้านการทดสอบเชิงพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน


จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะฯ เดินทางไปยัง ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคเหนือ (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) ซึ่งดำเนินงานด้านการตรวจสอบและเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ 16 จังหวัดภาคเหนือ มีหน้าที่หลักในการศึกษา วิจัย และเฝ้าระวังมลพิษโรงงาน ทั้งทางน้ำ อากาศ และเสียง ผ่านระบบติดตามระยะไกลที่เรียกว่า POMS ซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลการระบายมลพิษจากปล่องควัน (CEMS) และการระบายน้ำทิ้ง (WPMS) จากโรงงานทั่วประเทศ  นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 อย่างใกล้ชิด โดยศึกษาการกระจายตัวของมลพิษและสัดส่วนของฝุ่นตามประเภทเชื้อเพลิงที่โรงงานใช้ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่นควันเชิงรุก ทั้งนี้ นอกจากภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ศูนย์ฯ ยังมุ่งเน้นการบริการที่โปร่งใสและรวดเร็ว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ E-Report สำหรับการรายงานผลวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งมีแผนในอนาคตที่จะยกระดับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ในการวิเคราะห์มลพิษทางอากาศ และจัดตั้งศูนย์กลางความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างยั่งยืน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะฯ ยังเดินทางไปเยี่ยมชม บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และนวัตกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ โดยมี นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นายประทีป เอ่งฉ้วน รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายนันทกร ศรีสัจจะเสิศวาจา ผู้อำนวยการบริหารทั่วไป บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นิคมฯ ให้ความสำคัญกับการยกระดับนิคมฯ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีการนำหลักธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ รวมทั้งดำเนินกิจกรรม CSR ต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนรอบนิคมฯ เช่น การแจกทุนการศึกษา การใช้พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในชุมชน การดูแลสุขภาพผู้สูงวัยด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ การฝึกอาชีพชุมชนรอบนิคมฯ และการนำสมุนไพรที่มีในท้องถิ่นเข้ามาแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นต้น

สำหรับ บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้นําด้านการผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์สื่อสารและเครือข่ายสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์พกพาส่วนบุคคล ในบริษัทชั้นนำของโลก ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน มีพนักงานมากกว่า 6,800 คน โดยในปี พ.ศ. 2566 บริษัทฯ ขยายพื้นที่และเพิ่มการลงทุนโรงงานใหม่แห่งที่ 2 ในชื่อว่า บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฝั่งตะวันตก หรือ MTL-WEST ก่อให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่จังหวัดลำพูนและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top