ศธ.กางปฏิทิน‘ปิด-เปิดเทอม’ใหม่ รับสมัครสอบ ม.1 และ 4 ผ่านออนไลน์ 3-12 พ.ค.
9 เมษายน 2563 นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบตามที่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) นำเสนอ ครม.เรื่องการเลื่อนเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 จากเดิมจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เลื่อนเปิดภาคเรียนเป็นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีนักเรียนเกือบ 7 ล้านคน และคุณครูอีก 5 แสนกว่าคน และมีโรงเรียน 3 หมื่นกว่าโรงเรียนกระจายอยู่ครอบคลุมอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สพฐ.จึงต้องมีการวางแผนในการเตรียมความพร้อม เพื่อให้นักเรียนได้เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ และคุณครูเองได้เตรียมการสอน และทางโรงเรียนได้เตรียมอุปกรณ์และสื่อการสอนต่าง ๆ ที่สำคัญผู้ปกครองที่มีความกังวลใจ สพฐ.ยืนยันว่าได้เตรียมความพร้อมครบถ้วนแล้ว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า สพฐ.จะประกาศปฏิทินการเรียนและแนวทางต่างๆให้รับทราบอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นเทอมแรก จะเริ่มเปิดภาคเรียนวันที่ 1 กรกฎาคม-30 พฤศจิกายน 2563 และในช่วงเดือนตุลาคม 2563 จะไม่มีการปิดภาคเรียน เพื่อให้ระยะเวลาในการเรียนของเด็กครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนภาคเรียนที่ 2 จะเริ่มเปิดภาคเรียนวันที่ 1 ธันวาคม 2563-30 เมษายน 2564 แต่หลังปิดเทอมที่ 2 แล้ว โรงเรียนจะปิดเทอมได้ 15 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 1-15 พฤษภาคม 2564 ถ้าโรงเรียนเห็นว่าต้องให้เด็กได้พักบ้าง หากเวลาเรียนยังไม่ครบก็ให้สอนชดเชยในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ว่า สพฐ.ได้เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ทั้งแบบเฟรชทูเฟรช ทางออนไลน์ หรือการเรียนรู้จากทุกที่ทุกเวลา ทุกสื่อการเรียนการสอนซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ การเรียนการสอนออนไลน์ในโลกปัจจุบันนี้มีความจำเป็น โดยการเตรียมความพร้อมในการสอนออนไลน์ สพฐ.ได้ขอความร่วมมือจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เบื้องต้นได้ขอช่องโทรทัศน์ 13 ช่อง เพื่อใช้สอนระดับชั้นอนุบาล 1 ช่อง ส่วนอีก 12 ช่อง ใช้สอนในระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1-ม.6
นอกจากนี้ได้มีการประสานงานงานกับมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อขอใช้ช่องทางในการจัดการเรียนการสอนซึ่งที่ผ่านมา สพฐ.ก็ใช้ระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมกับโรงเรียนขนาดเล็กอยู่แล้ว ครั้งนี้จะจัดการเรียนการสอนทางไกลตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.3 ส่วน ม.4-ม.6 สพฐ.จะให้ครูจัดทำสื่อการสอนเอง ซึ่งขณะนี้มีครูได้จัดทำสื่อการสอนออนไลน์ส่งเข้ามาเสนอแล้วจำนวนมาก ซึ่งทางฝ่ายวิชาการเทคโนโลยี สพฐ.กำลังตรวจสอบอยู่ และมีโรงเรียนเอกชนใหญ่ที่ยินดีจะให้ครูที่เก่งๆมาช่วยจัดทำสื่อการสอนต้นแบบเพื่อให้ครูนำไปใช้สอนออนไลน์ ด้วย
ส่วนการดำเนินจัดซื้อแท็บเล็ต/ แล็ปท็อป หรืออุปกรณ์ต่าง ๆเพื่อรองรับการจัดสอนออนไลน์ นั้น ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีและตามนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ จะดำเนินการ สพฐ.ไม่สามารถดำเนินการเองได้ แต่หากมีมติ ครม. หรือมีนโยบาย จาก รมว.ศึกษาฯลงมา สพฐ.ก็จะดำเนินการตามมติหรือตามนโยบาย
“ขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองในช่วงที่ได้มีโอกาสทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) หยุดเชื้อเพื่อชาติ ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกๆ ก็อยากให้ทำบ้านให้เป็นห้องเรียนหรือโรงเรียน ขอให้พ่อแม่ทุกคนเปลี่ยนบทบาทเป็นคุณครู เพราะในอินเตอร์เน็ต ระบบออนไลน์ เทคโนโลยี สื่อดิจิทัลมีสิ่งที่จะเรียนรู้ได้มากมาย สามารถค้นคว้ามาจัดการเรียนให้ลูกๆได้ และพ่อแม่สามารถสื่อสารหรือสอบถามทางโรงเรียนผ่านออนไลน์ถึงการเรียนของลูกได้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ในวันที่ 17 เมษายน 2563 สพฐ.จะรายงานเพื่อทราบ ถึงการเลื่อนการเปิดภาคเรียนเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และการเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ให้รับทราบ และการกำหนดเวลาในการรับสมัครสอบออนไลน์ในการรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 กลุ่มทั่วไป คาดว่า สพฐ.จะมีประกาศรับสมัครสอบผ่านระบบออนไลน์ ได้ในวันที่ 3-12 พ.ค.นี้ โดยโรงเรียนที่จะรับสมัครมี 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือโรงเรียนที่มีแผนรับนักเรียนแต่ปรากฏว่ามีเด็กสมัครไม่ครบตามแผน หรือพอดีแผน ซึ่งกลุ่มนี้สามารถจัดห้องเรียนได้เลย
“แต่ที่ผมกังวลใจ คือโรงเรียนขนาดใหญ่ศักยภาพสูง ซึ่งมีอยู่ 190 กว่าโรง ที่มีเด็กสมัครเข้าเรียนเกินกว่าแผน การรับนักเรียนของโรงเรียนกลุ่มนี้ผมจึงมีความกังวลใจเรื่องความไม่โปรงใส ความไม่เท่าเทียมกัน ความได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะสิทธิของผู้ปกครองทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ส่วนการสอบในช่วงวิกฤตนี้ ผมก็คิดเรื่องการสอบผ่านออนไลน์ หรือการใช้ผลคะแนนของ O-Net ในการเลื่อนชั้นได้ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้มีการประกาศให้ทราบล่วงหน้า จึงมีเด็กส่วนหนึ่งไม่ได้สอบ O-Net หรือไม่ตั้งใจสอบเต็มที่ ทำให้มีความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นหากนำผลนี้มาใช้ ดังนั้น ในช่วงที่วิกฤตยังไม่คลี่คลานี้ สพฐ.จึงจะจัดสอบในห้องเรียน แต่ให้เว้นระยะห่างทางสังคม หรือ SOCIAL DISTANCING โดยให้ผู้สอบเหลือห้องละ 10-25 คน และให้เข้ามาภายในโรงเรียนชุดละ 30 แล้วเข้าห้องสอบเลย เมื่อสอบเสร็จแล้วก็ให้เคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน แล้วจัดชุดใหม่เข้ามาสอบต่อ” นายอำนาจ กล่าว
นายอำนาจ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสอบที่จะใช้สอบเข้า ม.1 , ม.4 ก็ให้โรงเรียนออกข้อสอบเอง หากโรงเรียนใดทำข้อสอบรั่วโรงเรียนต้องรับผิดชอบ แต่ยังมั่นใจเพราะโรงเรียนใหญ่ๆมีประสบการณ์ในการจัดสอบอยู่แล้ว”เลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การจะใช้วิธีการจัดสอบแบบใดนั้น สพฐ.จะรอประเมินสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง ซึ่งในช่วงเดือนพ.ค.สถานการณ์โควิส-19 อาจจะคลี่คลายแล้ว ดังนั้น สพฐ.จะให้มีการรับสมัครสอบผ่านระบบออนไลน์ไว้ก่อน เพื่อให้ทราบว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมีเด็กสมัครสอบจำนวนกี่คน ส่วนการสอบก็จะต้องสอบพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อป้องกันเด็กวิ่งสอบหลายโรงเรียนเพื่อไม่ให้เด็กได้เปรียบเสียเปรียบกัน และเพื่อความโปร่งใสยุติธรรมกับเด็กทุกคน และผู้ปกครองตั้งใจจะให้ลูกของตนได้เรียนในโรงเรียนที่ตนเองตั้งใจ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า วันที่ 14 เมษายน นี้ สพฐ.จะประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ร่วมกับกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เพื่อหารือกรณีที่ สพฐ.เลื่อนเปิดภาคเรียน ว่าจะมีผลอย่างไรกับการสอบ GAT-PAT และ Admission ซึ่งในการประชุมผู้บริหาร สพฐ.เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ตนได้มอบให้สำนักทดสอบฯของ สพฐ.ประสานงานกับกระทรวง อว.แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การสอบ GAT-PAT มีการจัดสอบในช่วงปลายปี จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมาก แต่ก็จะแจ้งปฏิทินเพื่อให้เด็กได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี