ศบค.เปิดตัวเลขล่าสุด‘นักรบเสื้อกาวน์’ติดโควิด แจงเงินเยียวยาไทยไม่น้อยหน้าใคร
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 9 เมษายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 54 ราย รวม 2,423 ราย ใน 67 จังหวัด หายป่วย 940 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เสียชีวิตสะสม 32 ราย โดยรายละเอียดของผู้เสียชีวิต เป็นดังนี้
รายที่ 31 เป็นชายชาวฝรั่งเศส อายุ 74 ปี เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่- 21 มี.ค. มีอาการไข้ ไอ หอบเหนื่อย จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลใน จ.ชลบุรี มีอาการปอดอักเสบ ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ต่อมาวันที่ 7 เม.ย.มีอาการหอบเหนื่อยมากขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันเดียวกัน
รายที่ 32 เป็นชายไทย อายุ 82 ปี เริ่มป่วยวันที่ 25 มี.ค. มีไข้ อุณหภูมิ 38.5 ไอ เหนื่อย และเข้ารักษาในโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ จากนั้นวันที่ 30 มี.ค.มีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิตในวันที่ 8 เม.ย. โดยทั้งสองรายเป็นผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ จังหวัดที่มีอัตราผู้ป่วยเมื่อเทียบกับประชากรในจังหวัดนั้นๆ และมีตัวเลขที่สูง อันดับ 1 คือ ภูเก็ต รองลงมาคือ กทม. ยะลา นนทบุรี อย่างไรก็ตาม ที่ จ.ภูเก็ต วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเพียง 3 คน เพราะมาตรการเชิงรุกในการตรวจหาผู้ป่วย ทำให้การกระจายตัวลดลง
“สำหรับตัวเลขผู้ป่วย 54 คนวันนี้ เรายังไม่พึงพอใจ ยังต้องเข้มงวดทุกมาตรการทั้งส่วนตัวและสังคม อย่ากระพริบตาเลยทีเดียว ในส่วนจำนวนบุคลากรทางแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ย้อนกลับไปตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง 8 เม.ย. พบว่าติดเชื้อทั้งสิ้น 80 ราย แบ่งเป็นผู้ช่วยพยาบาล และพยาบาล 36 ราย เป็นแพทย์ 16 คน ในจำนวนนี้ติดเชื้อจากโรงพยาบาล 50 คน ติดในชุมชน 18 คน อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 12 คน คนกลุ่มนี้จึงต้องระวัง ถ้าติดโรคขึ้นมาจะกระทบต่อการให้บริการประชาชน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
สำหรับอัตราการเสียชีวิตในประเทศไทยเมื่อเทียบกับทั่วโลกแล้ว โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพสูงกว่าเราในทุกๆ ด้าน ไทยถือว่ามีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า เช่น อิตาลี ที่มีอัตราการเสียชีวิต 12.63% สหราชอาณาจักร 11.03% สหรัฐอเมริกา 3.23% ขณะที่ไทยมีเพียง 1.26%
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 นั้น หลายคนพูดว่าทำไมเราแจกน้อย หากไปดูประเทศอื่นๆ เช่น เยอรมันใช้งบประมาณ 21.8% ของจีดีพี มาเลเซีย 16.5% ส่วนไทย 12.0% มากกว่าญี่ปุ่นที่มี 10.8% และสหรัฐฯ 10.7% ทั้งที่หลายประเทศในนี้เก็บภาษีสูงกว่าเรามาก จึงเห็นว่าน้อยประเทศมากที่จะดูแลได้ดีขนาดนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี