13 เม.ย.63 นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมนายเลิศบุศย์ กองทอง นายทวี จงประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดและคณะผู้บริหาร ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และติดตามผลการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ณ ห้องประชุมสาเกต โรงพยาบาลร้อยเอ็ด พร้อมรับฟังการพัฒนาระบบการรักษาผู้ป่วยโควิด19 จากนายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ถึงการพัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อรองรับผู้ป่วย
โดยได้เปิดคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ โดยจัดบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (one stop service) เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ไม่ให้ผู้ป่วยที่เข้าข่ายเฝ้าระวังไปปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ และหากพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงจะแอดมิทที่แผนกผู้ป่วยใน ที่ตึกกินรี ซึ่งเป็นห้องแยกเดี่ยว 34 ห้อง มีห้องความดันลบ (Airborne Infection Isolation Room: AIIR) พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ขณะนี้ ซึ่งปัจจุบันมี 1 ห้อง (วางแผนปรับปรุงห้องความดันลบเพิ่ม 4 ห้อง และห้องแยกเดี่ยว (Isolate Room) เพิ่มอีก 4 ห้อง
พร้อมนี้ ได้ขยายความพร้อมที่ตึกอุบัติเหตุและหัวใจเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการหนัก ที่หอผู้ป่วยหนัก (ICU) โควิด จำนวน 10 เตียง, หอผู้ป่วยติดเชื้อรวม (Cohort Ward) จำนวน 72 เตียง ซึ่งหากเกินศักยภาพ จะส่งต่อไปแอดมิทที่โรงพยาบาลเกษตรวิสัย (รับได้ 69 เตียง เป็นห้องแยกเดี่ยว 24 ห้อง และหอผู้ป่วยติดเชื้อรวม 45 เตียง) โดยได้จัดระบบเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อดังกล่าว ด้วยจัดการสิ่งแวดล้อม สถานที่ รวมทั้งอุปกรณ์ในห้องผู้ป่วยให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ และหลักการควบคุมโรคสากล
ด้านนายแพทย์วิจักษณ์ กัญญาคำ หัวหน้ากลุ่มงานอายรุกรรม ได้รายงานผลการรักษาผู้ป่วยยืนยัน โควิด19 ทั้ง 2 ราย ดังนี้ ผู้ป่วยรายแรก เพศชายอายุ 37 ปี ประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่ผลตรวจเป็นบวกที่สนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 รับเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ทีมแพทย์ได้รักษาตามอาการ ในห้องแยกโรค รวมรักษาในโรงพยาบาล 27 วัน ปัจจุบัน อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่เจ็บคอจะให้กลับบ้านวันนี้
ผู้ป่วยรายที่ 2 เพศหญิง อายุ 34 ปี ประวัติทำงานเป็นแคชเชียร์ที่บาร์แถวสุขุมวิท กลับจากกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563ด้วยอาการ ไข้ ไอ มีเสมหะ หายใจหอบ ถ่ายเหลว 4-5 ครั้ง เป็นก่อนมาโรงพยาบาล 7 วัน ผู้ป่วยรายนี้มีหายใจหอบ เสี่ยงต่อภาวะปอดอักเสบ ทีมแพทย์ได้รักษา เป็นเวลา 5 วัน จนผู้ป่วยมีอาการปกติ รับประทานอาหารได้ดี จำหน่ายกลับบ้านเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 เวลา 14.00 น. รวมรักษาในโรงพยาบาล 17 วัน
ส่วน นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รายงานว่า ได้มีการเตรียมชุมชนเพื่อรองรับการดูแลต่อเนื่อง โดยต้องกักตัวต่ออีก 14 วัน ที่บ้าน โดยมีนายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร สาธารณสุขอำเภอที่ต้องร่วมดูแลไปพร้อมกับผู้นำชุมชน และ อสม.ในพื้นที่ต่อไป
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวชื่นชมว่า นับเป็นข่าวดีเนื่องในเทศกาล สงกรานต์ปีใหม่ไทยที่ร้อยเอ็ด เราได้รักษาผู้ป่วยโควิด หายทั้ง 3 รายแล้ว และปัจจุบัน ร้อยเอ็ดไม่มีผู้ป่วยยืนยันโควิด 19 แล้ว และยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ จึงขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และพี่น้องประชาชนทุกท่าน ในการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หมั่นล้างมือ กินร้อน ไม่กินร่วม สวมหน้ากากผ้า อยู่ห่างกัน 2 วา” และมั่นใจว่า ประเทศไทย เราต้องชนะโควิด 19 ได้อย่างแน่นอน ถ้าหากเราร่วมมือสู้ไปด้วยกัน
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ตรวจเยี่ยมห้องห้องปฏิบัติการตรวจหาสารพันธุกรรมของ โควิด-19 ด้วยวิธี Real-time RT PCR รายงานผลภายใน 6 ชั่วโมง ที่ดำเนินการวันที่ 13 เมษายนนี้ และได้ร่วมส่งผู้ป่วยโควิด19 ที่รักษาหายกลับบ้าน โดยมีนายวิเชียร สุดาทิพย์ นายอำเภอเชียงขวัญ พร้อมด้วยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชียงขวัญ และสาธารณสุขอำเภอเชียงขวัญ เดินทางมารับผู้ป่วยไปดูแลต่อเนื่องที่ท้องที่(ชุมชน)ของตนเองต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี