โพลระบุปชช.64%ชี้‘เคอร์ฟิว’จำเป็นคุมโควิด 38.5% ไม่แน่ใจ‘คลายล็อก’ทำระบาดเพิ่ม
24 พฤษภาคม 2563 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “บ้านสมเด็จโพลล์” สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 หลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร ตรัง ชลบุรี ภูเก็ต ราชบุรี จำนวนทั้งสิ้น 1,112 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 18 – 21 พฤษภาคม 2563 กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่า ประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 หลังมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ถ่ายทอดผ่านการสัมผัสโดยตรงกับฝอยละออง จากลมหายใจของผู้ติดเชื้อ (ที่เกิดจากการไอและจาม) การสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน อาจอยู่รอดบนพื้นผิวเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ก็ถูกทำลายได้ด้วยสารฆ่าเชื้อทั่วไป ในปัจจุบันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิดมีการระบาดของโรคดังกล่าวไปทั่วโลก
สำหรับประเทศไทยที่สามารถควบคุมการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หรือ ศบค. แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ยังไม่สิ้นสุด หลายประเทศยังมีการแพร่ระบาดและมีการติดเชื้อสูงอยู่ การมีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 และ มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 และการลดเวลาเคอร์ฟิวจาก 22.00 น.ถึง 04.00 น. มาเป็น 23.00 น. ถึง 04.00 น. ทำให้เกิดความกังวลถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากการผ่อนปรน ในส่วนของผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ด้านเศรษฐกิจและความต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมอย่างไร และความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ความรู้สึกตื่นตกใจทุกครั้งที่ท่านได้ยินข่าวเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ร้อยละ 65.8 และเกิดความกลัวการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ร้อยละ 70.9
โดยคิดว่าศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ศบค.) สามารถควบคุมสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้ ร้อยละ 65.4 และมีความพึงพอใจในการทำงานของ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (ศบค.) อยู่ในระดับพึงพอใจปานกลางร้อยละ 50.2 รองลงมาคือพึงพอใจมาก ร้อยละ 44.1 อันดับสุดท้ายคือพึงพอใจน้อย ร้อยละ 5.7
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่ามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 และ มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 จะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ไม่แน่ใจว่าจะเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 38.5 รองลงมาคือ ไม่เพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 34.4 อันดับสุดท้ายคือเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 27.1 และคิดว่าหลังจากการมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง ร้อยละ 53
โดยมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวันจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ร้อยละ 57.6 และมีความพึงพอใจในการทำงานของ รัฐบาลในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 อยู่ในระดับพึงพอใจปานกลาง ร้อยละ 47.1 รองลงมาคือพึงพอใจมาก ร้อยละ 29.3 อันดับสุดท้ายคือพึงพอใจน้อย ร้อยละ 23.6
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการขยับเวลาห้ามออกจากเคหะสถาน(เคอร์ฟิว) เป็นเวลา 23.00-04.00 น. โดยให้มีผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ร้อยละ 65.8 และคิดว่า การห้ามออกจากเคหสถาน(เคอร์ฟิว) มีความจำเป็นในการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร้อยละ 64
นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ มากที่สุด อันดับหนึ่งคือการจ่ายเงินเดือนให้ประชาชนทุกคน ร้อยละ 27.4 อันดับสองคือการควบคุมราคาสินค้าสำหรับการดำรงชีวิต ร้อยละ 17.4 อันดับสามคือการส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพ ร้อยละ 12.3 อันดับสี่คือการลดราคาน้ำประปาและไฟฟ้า ร้อยละ 9.9 อันดับห้าคือการเพิ่มการจ้างงานของภาครัฐ ร้อยละ 9.6 อันดับหกคือการพักชำระหนี้ให้กับประชาชน ร้อยละ 8.9 อันดับเจ็ดคือการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7.7 อันดับสุดท้ายคือการปรับลดภาษีส่วนบุคคล ร้อยละ 6.8
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี