'ดีเอสไอ'ลุยสอบต่างด้าวสวมสัญชาติไทยกว่า 250 รายชื่อ  สงสัยเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวรับสินบน

'ดีเอสไอ'ลุยสอบต่างด้าวสวมสัญชาติไทยกว่า 250 รายชื่อ สงสัยเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวรับสินบน

วันอังคาร ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 20.41 น.

วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ดีเอสไอ และนายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย ผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง 2 ดีเอสไอ ร่วมกับนายวีระชาติ ดาริชาติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง นายเอกอนันต์ ศรีอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริตการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน กรมการปกครอง  เดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบมีคนต่างด้าวสวมสิทธิสัญชาติไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมายและได้ใช้สิทธิไปประกอบธุรกิจต้องห้าม อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เวียงแก่น  โดยมี นายอุดม อยู่อินไกร นายอำเภอเวียงแก่น และ พ.ต.อ.ดิลก  รื่นเนตร ผกก.สภ.เวียงแก่น ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล

โดย ร.ต.อ.วิษณุ  เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากกรมการกงสุลได้แจ้งข้อมูลแก่ทางดีเอสไอว่าได้มีชาย คนหนึ่งทราบชื่อต่อมาว่านายแก้ว แซ่ลี เป็นผู้ถือหนังสือเดินทางระหว่างประเทศถึง 2 ฉบับคือในนามสัญชาติไทยและสัญชาติจีน โดยเคยถือหนังสือผ่านการตรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในประเทศจีน เมื่อเจ้าหน้าที่ไทยทราบจึงได้ตรวจพบว่านายแก้วเป็นชาวต่างด้าวและได้สวมสัญชาติไทยโดยใช้วิธีสวมชื่อในบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ ณ สำนักงานทะเบียน อ.เวียงแก่น  จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีข้าราชการที่เป็นอดีตปลัดอำเภอที่เคยทำงานที่ อ.เวียงแก่น ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอเป็นผู้ดำเนินการให้ อีกทั้งเมื่อขยายผลร่วมกับสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองแล้ว ก็พบว่าในช่วงที่ปลัดอำเภอคนดังกล่าวทำหน้าที่ได้มีการสวมสิทธิในลักษณะดังกล่าวแก่บุคคลอื่นๆ รวมกันอีกกว่า 255 คน 


ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวด้วยว่า ทางคณะทำงานจึงบูรณาการร่วมกันทำงานใน 2 มิติ คือด้านความมั่นคงของประเทศให้ทางฝ่ายปกครอง จ.เชียงราย ดำเนินการ และอีกด้านคือการดำเนินธุรกิจต้องห้ามของคนต่างด้าว ซึ่ง ทาง ดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการ โดยนำรายชื่อทั้ง 255 ราย มาตรวจสอบพบมีการดำเนินธุรกิจ15 ราย จำนวน 19 บริษัท มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า  3,600 ล้านบาท  ซึ่งเข้าข่ายของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่มีสินทรัพย์เกินกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะมีการตรวจลายนิ้วมือโดยส่งไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจเปรียบเทียบกับลายพิมพ์นิ้วมือกับผู้ทำบัตรประจำตัวบัตรประชาชนเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลที่แท้จริง 

ทางด้านนายอุดม กล่าวว่า จากการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าข่ายบุคคลต่างด้าวเข้ามาสวมบัตรประชาชนมีจำนวน 255 ราย  โดยจะแยกตรวจสอบตามความสำคัญ โดยในกลุ่มแรกที่ทาง ดีเอสไอ ระบุว่า มีการเข้ามาดำเนินธุรกิจโดยผิดกฎหมาย 15 ราย ก็จะเร่งดำเนินการก่อนหากมีหลักฐานเชื่อได้ว่าได้บัตรประจำตัวประชาชนมาโดยมิชอบโดยกฎหมายก็เข้าสู่กระบวนการจำหน่ายหรือเพิกถอนเอกสารต่างๆ  จากนั้นค่อยดำเนินการอีก 200 กว่าคนที่เหลือ หากตรวจพบมีส่วนราชการมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเข้าสู่กระบวนการทางวินัยและอาญาด้วย เบื้องต้นมีคำสั่ง จงเชียงราย ไล่ออกปลัดอำเภอแล้ว 1 คน และมีการแจ้งความในคดีอาญาในปี 2559 ไว้แล้ว

พ.ต.อ.ดิลก กล่าวว่า เมื่อเดือนตุลาคม ปี  2559 ทาง อำเภอเวียงแก่น ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเอาผิดกับทางปลัดอำเภอในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันให้การรับรองการออกบัตรประชาชนอันเป็นเท็จในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งตรวจสอบเป้นข้าราชการของรัฐทางตำรวจจึงส่งเรื่องให้กับทางปปช.เข้าดำเนินการแล้ว

ขณะที่ พ.ต.ท.ปกรณ์ แถลงว่า ปัจจุบันดีเอสไอมุ่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 อย่างเด็ดขาดและครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อคุ้มครองธุรกิจที่คนไทยไม่พร้อมที่จะแข่งขันกับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะได้มีคนต่างด้าวสวมสิทธิเป็นคนไทยโดยมิชอบแล้วเข้าไปถือหุ้นแทนหรือเป็นนอมินีเพื่ออำพรางว่าเป็นธุรกิจของคนไทยด้วย ทั้งนี้จะมีการตรวจสอบที่มาของแหล่งเงินทุนของธุรกิจว่าเข้าข่ายการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินด้วยหรือไม่อีกด้วย หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ที่สายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยดีเอสไอจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับต่อไป ล่าสุดทางดีเอสไอได้พิจารณาที่จะรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษเรื่องสืบสวนที่ 23/2563 หากทางฝ่ายทะเบียนมีการเพืกถอนสิทธิ์ของผู้สวมบัตรประชาชนเหล่านี้ก็จะดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายทันที.

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top