หลายวันก่อนได้ติดตามข่าว ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน พร้อมคณะจากหลายกรม หลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ไปดูการจัดทำแปลงเรียนรู้การทำนาข้าวโดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ บนพื้นที่แปลงเรียนรู้ 138 ไร่ ที่แปลงนาสาธิต อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ท่านรัฐมนตรีช่วยฯ คาดหวังให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรอัจฉริยะแห่งแรกของไทย ที่เน้นเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องข้าวเป็นหลัก ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาปรับใช้ในการทำนา เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพผลผลิต โดยมีกรมการข้าวเป็นเจ้าภาพหลัก แล้วมีกรมอื่นๆ เข้าไปเสริมทัพทำแปลงเกษตรสาธิต ตามแต่เนื้องานที่กรมนั้นๆ รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์น้ำ...ก็ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว จะอัจฉริยะ ช่วยให้ชาวนาเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนได้สมราคาคุยหรือเปล่า หรือแค่เอางบหลวงไปละลายเล่น เพิ่มมูลค่าที่ดินให้ใคร....ทำไมโปรเจกท์มหาศาลแบบนี้ ต้องเอางบไปลงที่สุพรรณบุรีอีกแล้ว และทำไมต้องเป็นที่ดินตรงนี้ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกรมการข้าว ได้พินิจวิเคราะห์เห็นพ้องต้องกันแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว หรือว่าแล้วแต่ท่าน ดีครับผม เหมาะสมครับนายที่ถามอย่างนี้เพราะ ขุนเกษตรา เห็นว่า จังหวัดสุพรรณบุรี เพียบพร้อมไปด้วยระบบชลประทานที่เรียกได้ว่าดีกว่าจังหวัดอื่นทั่วประเทศก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีศูนย์วิจัยข้าวไว้คอยบริการพี่น้องชาวนาอยู่แล้ว ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าโชคดีกว่าชาวนาจังหวัดอื่นตั้งมากมาย หากจะทำโครงการแล้วสู้เอางบกระจายไปลงพื้นที่ ที่มีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือแก้ไข ไม่ดีกว่าหรือ เพราะแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของประเทศ ในจังหวัดอื่นๆ บางแห่งยังเจอปัญหาน้ำไม่พอ ดินไม่ดี เกษตรกรยังได้ผลผลิตตกต่ำ แต่มีต้นทุนการผลิตสูง ซึ่งหากนำเทคโนโลยีลงไปช่วยพัฒนาแล้วสามารถช่วยพลิกฟื้นช่วยชาวนาเหล่านี้ได้ มันจะไม่เรียกว่าอัจฉริยะมากกว่ากันเหรอ
จริงอยู่ที่ ที่แม้ว่าจังหวัดสุพรรณบุรีจะเป็นแหล่งผลิตข้าวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นจังหวัดที่ปลูกข้าวมากที่สุดแล้ว เรื่องของการวิจัยพัฒนาเรื่องข้าว จะต้องลงงบประมาณก้อนโตไปที่นั่นเสียทุกครั้งทุกคราไป เพราะยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่แม้จะเป็นรองในด้านปริมาณผลผลิต แต่ก็เป็นแหล่งผลิตข้าวพันธุ์ดีที่สำคัญของประเทศเช่นกัน และบางแห่งประสบปัญหา ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเฉพาะด้านงานวิจัยต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขัน พื้นที่เหล่านี้มากกว่า ที่ภาครัฐจะต้องลงไปศึกษาวิจัย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร...อีกอย่าง พื้นที่ 138 ไร่ ที่เอางบประมาณหลวงไปลงนั้น ไม่รู้เป็นที่ดินของใคร
ของหลวงหรือเอกชน ทำไมเจาะจงตรงนั้น
ถ้าเป็นของเอกชน การเอางบประมาณหลวงลงไปพัฒนาอย่างนี้ ถูกต้องเหมาะสมแค่ไหน แอบคิดในใจไม่ได้ว่า เจ้าของที่ดินมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้อนุมัติโครงการหรือเปล่า แถมยังมีการสั่งการให้กรมต่างๆ เข้าไปทำแปลงเกษตรสาธิตในพื้นที่แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งดูแล้วน่าจะมีหลายกรมที่ต้องเอางบไปลงที่แปลงสาธิตแห่งนี้ แหมๆๆ น่าอิจฉาเจ้าของที่ดินจัง ถ้า ขุนเกษตรา อยากได้แบบนี้บ้าง จะมีใครจัดให้บ้างนะ ล้อเล่นนะครับ ขุนเกษตรา ไม่ชอบเบียดบังใคร โดยเฉพาะของหลวงที่มาจากภาษีประชาชน
ที่กล่าวมา แค่อยากจะบอกว่า การศึกษาวิจัยบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปอัดงบแบบจัดหนัก จัดเต็ม อะไรขนาดนั้น เพราะเป็นภารกิจปกติของหน่วยงานนั้นๆ ที่ต้องทำอยู่แล้ว อัดงบสนับสนุนเพิ่มเติมตามความเหมาะสมก็น่าจะเพียงพอ และเลือกพื้นที่ ที่มีความจำเป็นต้องศึกษาวิจัย โดยใช้พื้นที่หลวงที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ดีกว่า ซึ่งเชื่อว่ามีอยู่มากมายที่สามารถนำมาเป็นแปลงสาธิต แปลงทดลอง ที่สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ได้ และเกษตรกรก็น่าจะเข้าถึงในการเข้าไปศึกษาเรียนรู้ได้มากกว่าไปใช้ที่ดินเอกชนอย่างแน่นอนหรือว่าไม่จริง...ที่ติติงกันมา ก็เพราะอยากให้กระจายโอกาส และความเจริญ ให้กับเกษตรกร ไปในหลายๆ พื้นที่ ไม่ใช่จะให้ไปกระจุกอยู่ที่สุพรรณบุรี จังหวัดเดียว แถมไม่รู้ว่าเมื่อทำไปแล้ว เกษตรกรจะได้ประโยชน์จริงสักแค่ไหน หรือเพียงเอางบหลวงไปพัฒนาที่ดินให้ใคร...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี