วีระ โรจน์พจนรัตน์- อิทธิพล คุณปลื้ม
เป็นที่ยอมรับกันว่าการอ่านหนังสือของคนไทยจากสื่อสิ่งพิมพ์ถดถอยลงไปมาก จนถึงขนาดที่ว่าธุรกิจทางภาคอุตสาหกรรมการพิมพ์ต้องล่มสลายไปหลายแห่งที่อยู่ได้เวลานี้ก็พยายามอย่างยิ่งในการช่วยเหลือตัวเองเพื่อให้อยู่รอด
ยิ่งเกิดวิกฤติโรคระบาด วงการธุรกิจหนังสือยิ่ง “ผีซ้ำกรรมซัด” การจะระบายหนังสือออกสู่ตลาดถูกปิดกั้นอย่างสิ้นเชิงสิ่งที่มีอยู่แล้วหมดโอกาสนำออกขายผลงานใหม่ๆ ก็เสียโอกาสที่จะถูกจัดพิมพ์ขึ้นมาเรียกร้องความสนใจ สุดท้ายธุรกิจสิ่งพิมพ์กลายเป็น “ข้าวคอยฝน” ว่าเมื่อไร สวรรค์จะโปรดเท่านั้นเอง
เมื่อสามสี่วันที่ผ่านได้ยินท่านอดีตรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมหลายสมัยคุณวีระ โรจน์พจนรัตน์ ซึ่งตอนนี้มีตำแหน่งเป็น ประธานกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดถึงเรื่องอุตสาหกรรมการพิมพ์หนังสือว่า อุตสาหกรรมหนังสือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท และมีการจ้างงานกว่า 200,000 อัตรา
การอ่านหนังสือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์โลก ที่สืบทอดกันมาเป็นช่วงระยะยาวนานนับพันๆ ปีเนื่องจากการอ่านหนังสือมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์, ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้ และส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในวัยเด็ก การเรียนรู้จากหนังสือทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับการเรียน เกิดความซาบซึ้ง เกิดจินตนาการและจดจำได้ดีกว่าการอ่านจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า แถมยังมีผลกระทบต่อสายตาและสมองของผู้จ้องอ่านในช่วงเวลายาวนานอีกด้วย
คุณวีระ โรจน์พจนรัตน์ ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD เปิดเผยให้ทราบว่า OKMD ได้มีมติเห็นพ้องต้องกันว่าจะส่งเสริมการอ่านและสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือจึงมีมติให้สำนักงานฯ ประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณานำเสนอมาตรการหักลดหย่อนภาษีรายจ่ายซื้อหนังสือ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยจะเป็นมาตรการระยะ 3 ปี (2563-2565) เพื่อให้ประชาชนสามารถนำรายจ่ายในการซื้อหนังสือมาหักลดหย่อนภาษีได้2 เท่า แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อปี
นโยบายดังกล่าว ในความคิดของผมก็เห็นว่า “น่าจะเป็นประโยชน์” แต่เป็นเพียงแค่ผลพลอยได้เท่านั้น ไม่ใช่ “ความช่วยเหลือหลัก” ที่ต้องกระทำให้มากกว่านี้ เพราะในสถานการณ์วิกฤติของอุตสาหกรรมหนังสือที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ จะใช้ยาแก้เพียง“ลอยตามน้ำ” ไม่ได้แล้ว แต่ต้อง “ว่ายทวนน้ำ” ด้วยการสร้างกิจกรรม หรืออีเว้นท์ที่ดึงดูดความสนใจได้เด่นชัดมากกว่า“ลอยตามน้ำ” โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)คาดการณ์เอาไว้ว่า หากไม่มีมาตรการในการสนับสนุนจากรัฐบาล คาดว่าในปี 2563 ยอดขายของอุตสาหกรรมหนังสือจะลดลงเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท...ฟังแล้วก็น่าเป็นห่วง
เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมว่ากระทรวงวัฒนธรรมภายใต้การบริหารของคุณอิทธิพล คุณปลื้ม ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรม คงจะปล่อยให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD พาเรือใหญ่มหึมาเข้าฝั่งเพียงคนเดียวคงไม่ได้แล้ว และควรอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมกิจกรรมหลายๆ ส่วน ในฐานะที่มีความพร้อม มากกว่า OKMD อาทิ ระดมสมองของ ศิลปินแห่งชาติ ด้านวรรณกรรม มาร่วมกันคิดกิจกรรมส่งเสริมให้เกิดการอ่านได้อย่างไร หรือจัดอีเว้นท์อะไรที่ดูแปลก ดูมีเสน่ห์เพื่อเรียกร้องให้คนหันมาสนใจด้านการอ่านหนังสือให้มากขึ้น แล้วจากนั้นแหละ มาตรการระยะ 3 ปี (2563-2565) เพื่อให้ประชาชนสามารถนำรายจ่ายในการซื้อหนังสือมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อปี จะโดดเด่นขึ้นมาทันตาเห็นทีเดียว
โดย...ชนิตร ภู่กาญจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี