นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้พืชผลการเกษตรเสียหาย ประกอบกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ส่งผลกระทบทุกภาคส่วนกระทรวงเกษตรฯจึงมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาชีพใหม่ที่สร้างรายได้มั่นคง โดยสนับสนุนเลี้ยงปศุสัตว์ ควบคู่กับปลูกพืชอาหารสัตว์เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์และจำหน่ายมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ และผลกระทบจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ
กระทรวงเกษตรฯร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้หลักการ “การตลาดนำการผลิต” เพื่อพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกร รวมทั้งสร้างอาชีพทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมมาเลี้ยงสัตว์จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โคเนื้อขุน กระบือเนื้อ แพะเนื้อ และไก่พื้นเมือง โดย ธ.ก.ส. จะสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มละไม่เกิน 10 ล้านบาท ดอกเบี้ยล้านละ 100 บาท/ปี ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2562-30 พ.ย. 2565
จากการลงพื้นที่ของ สศก. โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 จังหวัดชัยนาท (สศท.7) พบว่า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแหล่งผลิตปศุสัตว์ลำดับที่ 5 ของภาคกลาง (ข้อมูลจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุพรรณบุรี) ปัจจุบันมีการเลี้ยงโคเนื้อ 140,469 ตัว เกษตรกรผู้เลี้ยง 6,405 ราย ในพื้นที่อำเภอหนองหญ้าไซ ศรีประจันต์ และสามชุก ส่วนการเลี้ยงแพะมี 24,649 ตัว เกษตรกรผู้เลี้ยง 895 ราย ในพื้นที่อำเภอหนองหญ้าไซ สองพี่น้อง และด่านช้าง จึงมีความต้องการอาหารสัตว์ในปริมาณมาก อีกทั้งตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการโคเนื้อจำนวนมาก นอกจากจะส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคแล้วยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอาหารสัตว์ โดยเฉพาะหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 ซึ่งเป็นพืชมีคุณค่าทางอาหาร ให้ผลผลิตต่อไร่สูง เป็นการเพิ่มรายได้และลดต้นทุนในการเลี้ยงโคขุนควบคู่กันไป อีกทั้ง กรมปศุสัตว์เข้ามาสนับสนุนด้านองค์ความรู้ให้เกษตรกร เพื่อให้มีแหล่งความพร้อมด้านอาหารสำหรับปศุสัตว์อีกด้วย
ด้าน นายชีวิต เม่งเอียด ผู้อำนวยการ สศท.7 กล่าวเสริมว่า สำหรับการเลี้ยงโคขุน มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 41,835 บาท/ตัว เกษตรกรจะนำโคที่มีน้ำหนักประมาณ 290 กิโลกรัม มาเลี้ยงเป็นเวลา 110 วัน เมื่อได้น้ำหนักประมาณ 486 กิโลกรัม จะจับขายในราคา 43,133 บาท/ตัว ได้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 2,432 บาท/ตัว โดยส่งขายให้พ่อค้าเพื่อรวบรวมส่งออกไปยังเวียดนามและจีน การเลี้ยงแพะขุน มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 3,512 บาท/ตัว เกษตรกรจะนำแพะที่มีน้ำหนักประมาณ 14-16 กิโลกรัม นำมาขุนเป็นเวลา 90 วัน เมื่อได้น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม จะจับขายในราคา 3,995 บาท/ตัว ได้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 483 บาท/ตัว โดยส่งขายให้พ่อค้ารวบรวมส่งไปยังเวียดนามและมาเลเซีย ส่วนการปลูกหญ้าเนเปียร์พันธุ์ปากช่อง 1 เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์และจำหน่าย มีพื้นที่ปลูก 2,185 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอหนองหญ้าไซ และดอนเจดีย์ เกษตรกรผู้ปลูก 338 ราย มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 20,763 บาท/ไร่/ปี สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เฉลี่ย 6 รอบ/ปี ให้ผลผลิตเฉลี่ย 43,326 กิโลกรัม/ปี ราคา ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 1.20 บาท/กิโลกรัม ให้ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 31,228 บาท/ไร่/ปี โดยส่งขายให้ฟาร์มเลี้ยงปศุสัตว์ในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ทั้งนี้ เกษตรกรหรือผู้สนใจรายละเอียดการผลิตและการตลาดด้านปศุสัตว์ในจังหวัดสุพรรณบุรี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.7 โทร. 0-5640-5007-8 หรืออีเมล zone7@oae.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี