คณะกรรมการสภาผู้นำชุมชนบ้านหนุนจังหวัดพะเยา เสริมพลังรัฐ รับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเริ่มต้นจากการขอความร่วมมือบุตรหลานคนในชุมชน ยังไม่ควรเดินทางกลับบ้านในระหว่างที่มีการระบาดของเชื้อโรค หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับ ก็จัดบ้านพักสำหรับผู้กักตัว แก้ปัญหาการอยู่ร่วมกันในบ้านแบบครอบครัวใหญ่ที่อาจทำให้การกักตัวเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ รวมทั้งรณรงค์การออกกำลังกายที่บ้านเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค
บ้านหนุน จังหวัดพะเยา เป็นหมู่บ้านขนาดกลาง 126 ครัวเรือน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีการดำเนินงานโครงการชุมชนน่าอยู่ เพื่อพัฒนาสู่ชุมชนจัดการตนเองในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องการจัดการขยะ ปลูกผักสวนครัว การออกกำลังกาย โดยการสนับสนุนของสสส. ซึ่งหัวใจของการดำเนินงานโครงการนี้อยู่ที่การพัฒนาคน หรือ“คณะกรรมการสภาผู้นำชุมชน” โดยการจัดโครงสร้างใหม่ในชุมชน ที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วน เช่น ผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี อสม. ผู้สูงอายุ ผู้นำทางศาสนา เยาวชน ปราชญ์ชุมชนและตัวแทนกลุ่มต่างๆ ในชุมชน จำนวน 60 คนมาทำงานพัฒนา หรือแก้ไขปัญหาในชุมชนร่วมกัน
เมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ที่ได้รับเชื้อ ทำให้รัฐบาลได้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐ ประชาชน ผู้นำชุมชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คณะกรรมการสภาผู้นำชุมชนบ้านหนุน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ได้ร่วมกันคิดและออกแบบการทำงานของชุมชนให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐ และหนุนเสริมปฏิบัติการป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้เป็นไปได้จริงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายเสงี่ยม หมอยาดี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนุน กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ขอความร่วมมือลูกหลานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ยังไม่ต้องเดินทางกลับบ้านในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับก็มาคิดร่วมกันว่า จะเตรียมรับมืออย่างไร เพราะในชุมชนบ้านหนุนมีผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงคือ จังหวัดเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และชลบุรี กลับมาอยู่รวมกับครอบครัว 3 คน ซึ่งอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ มีพ่อแม่ บุตรหลาน อยู่รวมกันหลายคน และบ้านก็เป็นห้องรวมคณะกรรมการสภาผู้นำชุมชนมีความกังวลว่า การกักตัวอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ หากให้อยู่รวมกันในบ้านหลังเดียวกัน อาจจะมีการเผอเรอหยิบของใช้ร่วมกัน หรือเดินมาใกล้กันโดยไม่ได้เว้นระยะห่าง 2 เมตร ทำให้การกักตัวเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ แต่ก็เข้าใจข้อจำกัดของวิถีชีวิตชาวบ้าน จึงร่วมกันคิดว่าจะมีการทำงานหนุนเสริมกับมาตรการของรัฐอย่างไร
“จึงได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของบ้านที่มีบ้านว่างและไม่มีผู้อยู่อาศัย ซึ่งบ้านอยู่ในชุมชน เพื่อขอใช้เป็นสถานที่บ้านพักสำหรับผู้เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงและให้กักตัวเป็นเวลา 14 วัน จำนวน 3 ราย ซึ่งเจ้าของบ้านก็ยินดีให้ความร่วมมือและไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ถือเป็นการช่วยเหลือกันในยามลำบาก ทำให้ผู้กักตัวสามารถแยกตัวไปพักอยู่ในบ้านพักที่ชุมชนประสานงานไว้ให้ และคนในชุมชนก็ร่วมมือกันในการจัดอาหาร เจลแอลกอฮอล์ ไปส่งไว้หน้าบ้านทุกวัน ขณะนี้ก็ครบกำหนดกักตัว 14 วันแล้ว จึงได้ร่วมมือกันทำความสะอาดบ้าน เพื่อคืนบ้านให้กับเจ้าของบ้าน”
นอกจากนี้ ชุมชนแห่งนี้ยังมีการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในหลายรูปแบบ เพื่อให้สมาชิกในชุมชนมีสุขภาพที่แข็งแรง มีรูปแบบการออกกำลังกายที่หลากหลาย และสร้างความสนุกสนานให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย ซึ่งก่อนหน้านี้ชมรมรักษ์สุขภาพดอยหยวก ได้นำออกกำลังกายที่ลานกีฬาทุกสัปดาห์ เช่น การเต้นแอโรบิก การรำวงย้อนยุค การรำผ้าขาวม้าของกลุ่มผู้สูงอายุ การเล่นกีฬาบาสเกตบอล และตะกร้อของกลุ่มเยาวชนจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของสมาชิกในชุมชน เมื่อมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 คณะกรรมการสภาผู้นำชุมชนได้ชักชวนให้ชาวบ้านออกกำลังกายที่บ้านตามความชอบของตน เช่น การเดินรอบๆ บ้าน การเต้นแอโรบิก เป็นต้น หรือหากมีการออกจากบ้าน เช่น การปั่นจักรยานรอบๆชุมชน ก็ขอความร่วมมือให้มีการดูแลตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่างทางสังคม
มาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19ทั้งการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ การกักตัว 14 วัน หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ต่างก็มีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้เร็วที่สุด แต่การนำสู่ปฏิบัติในระดับชุมชน ก็พบว่านอกจากความตั้งใจในการให้ความร่วมมือกับรัฐแล้ว บางชุมชนมีข้อจำกัดจากบริบทหรือวิถีชีวิตของคนในชุมชนเอง ต้องมีการจัดการภายในชุมชน เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่นี่ใช้กลไกของคณะกรรมการสภาผู้นำชุมชน ที่มีตัวแทนมาจากทุกฝ่ายได้มีเวทีร่วมพูดคุย ออกแบบการทำงาน เพื่อเสริมพลังมาตรการของรัฐ ได้ผลจริงในทางปฏิบัติ ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี