การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในหลายภาคส่วน แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งเงินเยียวยา การส่งเสริมด้านการตลาด จนถือว่าได้ผ่อนคลายความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกรไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่ยังตกค้างไม่ได้รับเงินเยียวยา ก็ไม่รู้ว่ามีข้อผิดพลาดในขั้นตอนไหน ซึ่งหลังจากกระทรวงเกษตรฯ ได้เปิดให้ยื่นอุธรณ์ จนถึงวันสุดท้ายเมื่อ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบว่ามีรายชื่อผู้ยื่นอุทธรณ์กว่า 1.8 แสนคน จาก 6 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อก่อนหน้านี้ แต่ไม่พบเนื่องจากกระทรวงเกษตรฯยังไม่ได้อนุมัติ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ8 หมื่นราย ซึ่งปัจจุบันได้จัดส่งเงินเยียวยาให้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาติดขัด 2.เป็นเกษตรกรแต่มีอาชีพรับจ้าง ซ้ำซ้อนกับระบบประกันสังคมด้วย ประมาณ 8 หมื่นราย ในกรณีนี้ ให้หน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียนตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง และให้พิจารณาเป็นรายกรณี และต้องหารือกับประกันสังคมให้ชัดเจนด้วย 3.เกษตรกรที่ทำการเกษตรในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 8 หมื่นราย ซึ่งกระทรวงเกษตรฯอนุมัติไม่ได้ เพราะขัดกับเงื่อนไขของมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้เยียวยากับกลุ่มที่ทำการเกษตรในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิเท่านั้น อย่างไรก็ตามในกรณีนี้กระทรวงเกษตรฯ เห็นว่าเป้าหมายของการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดดังนั้นเกษตรกรกลุ่มนี้ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงจะยกไปพิจารณาในคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ หากได้รับความเห็นชอบก็สามารถจ่ายจ่ายได้ทันที 4. เกษตรกรที่มีรายชื่อซ้ำซ้อนกับที่ยื่นขอในโครงการเราไม่ทิ้งกัน แต่ได้สละมาใช้สิทธิ์รับการเยียวยาฝั่งภาคการเกษตร ประมาณ 1,000 ราย กลุ่มนี้ควรได้รับการเยียวยาเช่นกัน 5. เกษตรกรที่ถูกดีดออกมาจากโครงการไม่ทิ้งกันก่อนหน้านี้ เพราะตรวจพบว่ามีรายชื่อเป็นสมาชิกครัวเรือนเกษตรกร 2,000 ราย แต่ภายหลังโครงการเราไม่ทิ้งกัน เปิดให้ยื่นอุทธรณ์ และรับเงินเยียวยาไปแล้ว 6. กลุ่มข้าราชการ และข้าราชการบำนาญ ประมาณ 2,000 ราย กรณีนี้จะไม่ได้รับการเยียวยาตามเงื่อนไข แต่กระทรวงเกษตรฯ ต้องมีเหตุผลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตอบคำถามในพื้นที่ได้...ซึ่งต้องรอดูต่อไปว่า เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา และยื่นอุธรณ์ไว้แล้ว จะได้รับการเยียวยาหรือไม่ อย่างไรต่อไป
นอกจากเรื่องการเยียวยาแล้ว ยังมีความเดือดร้อนของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ก็คือ ผู้ที่เป็นหนี้ กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต่างได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการดำรงชีพ ซึ่งล่าสุด ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงนามในประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ไปแล้ว โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563
สำหรับ มาตรการที่กระทรวงเกษตรฯได้เคาะมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนหมุนเวียน เพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน ประกอบด้วย 3 มาตรการ คือ 1. คิดดอกเบี้ยแก่ผู้กู้ยืมในอัตราร้อยละศูนย์ต่อปีของเงินต้น เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ถึง 31 ตุลาคม 2563 ยกเว้นลูกหนี้ที่ถูกดำเนินคดีและศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำพิพากษาตามยอมแล้ว 2. งดการขายทอดตลาดแก่ผู้กู้ยืมหรือผู้ค้ำประกันที่สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการยึดทรัพย์ไว้ทุกราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขายทอดตลาด เป็นระยะเวลานับตั้งแต่วันที่กรมบังคับคดีได้รับแจ้งจากสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2563 และ 3. ชะลอการบังคับคดีแก่ผู้กู้ยืมหรือผู้ค้ำประกันเป็นระยะเวลานับตั้งแต่วันที่กรมบังคับคดีได้รับแจ้งจากสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2563 เว้นแต่กรณีที่ใกล้สิ้นระยะเวลาบังคับคดี...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี