เอกชนเตรียม 650 ล้านผุด‘โรงไฟฟ้าชีวมวล’ที่กระบี่ ยันไม่กระทบชุมชน

23 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ ว่า หลังจากที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งในพื้นที่หมู่ 2 และ 3 ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ออกมาคัดค้านโครงการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass) ของบริษัท ลาภภักดีปาล์ม จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 7 เมกะวัตต์ เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพคนในชุมชน ที่อาจเกิดจากฝุ่น เขม่า ควันไฟ น้ำเสียไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ จากการนำทะลายปาล์มน้ำมันที่นำมาเป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้า เนื่องจาก ที่ตั้งของโรงงานไม่เหมาะสมอยู่ใกล้ชุมชนนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุภัทรพงศ์ ชาญพานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลาภภักดีปาล์ม จำกัด เปิดเผยว่า โรงงานเป็นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม หรือโรงหีบปาล์มขนาดลาง เปิดรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่โดยตรง และจากลานเท โดยในแต่ละวันมีผลผลิตปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร เข้าสู่โรงงานวันละหลายร้อยตัน ซึ่งเมื่อผ่านขบวนการผลิตหีบสกัดน้ำมันปาล์ม ทำให้มีสิ่งที่เหลือจากขบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นทะลายปาล์ม กะลาปาล์ม หรืออื่นๆซึ่งทางโรงงานฯมองว่าสามารถที่จะนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในโรงงานได้ จึงได้ทดลองผลิตและใช้ในโรงงาน จนถึงทุกวันนี้ เพื่อลดต้นทุนการใช้พลังงาน และล่าสุดทางรัฐบาลมีนโยบายให้ภาคเอกชน สามารถสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล(Biomass) เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

“ทางโรงงานลาภภักดีปาล์มมีความพร้อมอยู่แล้วในด้านวัตถุดิบ จึงได้ยื่นเรื่องขอสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ภายใต้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อเศรษฐกิจฐานราก กำลังผลิต 7 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 650 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการใหม่ของกระทรวงพลังงาน และมีประโยชน์กับชุมชน ท้องถิ่น เนื่องจากโครงการนี้ทางโรงงานฯจะต้องให้วิสาหกิจชุมชน เข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 10 % โดยทางโรงงานฯเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด” นายสุภัทรพงศ์ กล่าว

นายสุภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อทางโรงงานฯจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทุก 10 เปอร์เซ็นต์ ก็จะแบ่งกลับไปให้กับชุมชน หรือหมู่บ้าน ทำให้เศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาปาล์มน้ำมัน จะมีราคาที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากความต้องการในการเพิ่มจำนวนการนำทะลายปาล์มมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ซึ่งโครงการฯนี้ นอกจากคนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ทั้งหมดได้รับผลประโยชน์ ที่ตามมาจากความต้องการทะลายปาล์มมากขึ้นด้วย

สำหรับเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงให้ความมั่นใจกับได้ว่า จะไม่เกิดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ฝุ่นควัน น้ำเสียอย่างแน่นอน หรือมีแต่ไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนน้ำเสียทางโรงงานสามารถจัดการได้ 100 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ทาง รองกรรมการผู้จัดการโรงงานฯยังได้กล่าวถึงการล้มเวทีการให้ข้อมูลข่าวสารของโรงงานฯ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.เขาเขน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.63ที่ผ่านมา ว่า เป็นการเข้าใจผิดกัน เนื่องจากชาวบ้านเข้าใจว่า ทาง อบต.เขาเขน กับโรงงาน เป็นพวกเดียวกัน ซึ่งข้อเท็จจริง ในช่วงเช้า เป็นการแจกถุงยังชีพ ของ อบต.ให้แก่ผู้ประสบภัยโควิด 19 ซึ่งทาง อบต.ได้กำหนดไว้ก่อนนี้แล้ว และเมื่อเสร็จแล้ว ก็เป็นการเปิดเวทีของโรงงานฯในการให้ข้อมูลข่าวสารการสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวล แต่เป็นที่เดียวกัน จึงทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด ว่า อบต.กับโรงงานมีส่วนได้เสียกัน ซึ่งความจริงไม่ใช่ เพียงแต่ใช้สถานที่เดียวกันเท่านั้น และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่เห็นว่า หากมีการเรียกประชุมชาวบ้านแล้วก็ใช้สถานที่เดียวกัน เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่เสียเวลา จนทำให้เกิดการเข้าใจผิดกัน

“สิ่งสำคัญคืออยากให้ชาบ้านเปิดใจรับฟังข้อมูล เพราะตอนนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงกับประชาชน รอบโรงงาน เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชีวมวล ใช้ในการตัดสินใจในการทำประชาพิจารณ์ต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย และขอย้ำว่าขณะนี้อยู่ในช่วงการประชาสัมพันธ์ข้อมูล และเปิดโอกาสให้ผู้นำท้องถิ่น ประชาชน ชุมชนได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆ เพื่อที่จะให้เป็นที่เข้าใจตรงกัน” นายสุภัทรพงศ์ กล่าว

ด้านนายสมบูรณ์ บัวพันธ์ กำนัน ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ กล่าวว่า สำหรับการสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวล ของโรงงานลาภภักดีปาล์ม จำกัด ตนในฐานะผู้นำท้องถิ่น จะไม่ชี้นำ หรือชี้แนะ ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเอง และทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ให้ข้อมูลข่าวสารของโรงงานฯแก่ประชาชน เพื่อใช้ในการประกอบในการตัดสินใจ ไม่ใช่เป็นการทำประชาพิจารณ์ ตามที่บางคนเข้าใจ