นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า ตามมาตรา 4 ในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 ระบุความหมายของสหกรณ์ว่า หมายถึงคณะบุคคลซึ่งร่วมกันดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกสหกรณ์ โดยช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้ ดังนั้น เจตนารมณ์การตั้งสหกรณ์มีหลักการสำคัญอยู่ 2 ด้าน ประการแรก คือ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม ประการที่สองคือ ช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนั้น การดำเนินกิจการของสหกรณ์จึงไม่ใช่การทำธุรกิจเพื่อแสวงหากำไร แต่การทำธุรกิจของสหกรณ์ ต้องอยู่ภายใต้หลักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานตามภารกิจเข้าไปตรวจสอบบัญชีให้สหกรณ์ต่างๆ พบว่ายังมีสหกรณ์หลายแห่งขาดสมดุลการบริหารจัดการภายใต้หลักการของสหกรณ์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่ยังไม่มีประสิทธิภาพดีพอ
ทั้งนี้ ในการดำเนินกิจการของสหกรณ์แต่ละแห่งจะมีคณะกรรมการดำเนินการที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิก 15 คน และอีกส่วนหนึ่งคือ พนักงานและเจ้าหน้าที่ที่สหกรณ์จัดจ้างมา แต่ผลการตรวจสอบบัญชีของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พบว่ามีสหกรณ์จำนวนมากที่มีค่าใช้จ่ายคงที่ โดยเฉพาะด้านค่าจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในสหกรณ์ ที่มากกว่ารายได้ของสหกรณ์ และน่าจะเกินกว่าความจำเป็นต่อการปฏิบัติงานในสหกรณ์นั้นๆ ซึ่งควรจัดจ้างตามความจำเป็นของงานอย่างสมเหตุสมผล
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การวิเคราะห์ความต้องการของกำลังคนเพื่อปฏิบัติงานในแต่ละสหกรณ์นั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วน และต้องคำนึงถึงประโยชน์และผลที่จะได้รับจากการจ้างงานแต่ละครั้งเป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะเกิดปัญหารายจ่ายคงที่ ซึ่งจะเป็นภาระให้สหกรณ์ จนอาจทำให้เกิดข้อสงสัยของสมาชิกได้ว่า ทำไมรายได้สุทธิของสหกรณ์จึงมีน้อยหรือไม่มีเลย นอกจากนั้น อัตราการจ้างงานแต่ละตำแหน่ง ควรได้รับการประเมินในอัตราที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากขนาดของธุรกิจ จำนวนของทุนสหกรณ์ และความหลากหลายของกิจการที่ดำเนินการ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะใช้ประเมินค่าจ้างของพนักงานให้สมประโยชน์ เช่น บางสหกรณ์มีรายได้เฉลี่ยต่อปีไม่ถึง 2 ล้านบาท แต่มีการจ้างงานในบางตำแหน่งในอัตราเงินเดือนที่สูงถึงหนึ่งแสนบาทต่อเดือน จึงส่งผลให้รายได้สุทธิของสหกรณ์ที่จะนำมาสู่การปันผลให้สมาชิกแทบจะไม่เหลือเลย
“การสร้างความสมดุลในสหกรณ์ โดยเฉพาะความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย เป็นสิ่งที่ผู้บริหารสหกรณ์ต้องคำนึงถึง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สมาชิกของสหกรณ์ทั้งมวล ซึ่งการจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่สหกรณ์ เป็นเรื่องสำคัญประการหนึ่งที่สหกรณ์ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ความจำเป็น และผลประโยชน์ที่สมาชิกทุกคนควรได้รับโดยเท่าเทียมเป็นธรรม ดังนั้น เรื่องจำนวนการจ้างงานและอัตราค่าจ้าง ทั้งสองส่วนนี้ต้องสัมพันธ์กับงานที่ให้ทำ ทุกคนที่ถูกจ้างงานต้องมีงานทำในชั่วโมงทำงานปกติ จึงจะคุ้มค่ากับการจ้างงานและเป็นธรรมกับสมาชิกทุกคน ที่ถือเป็นเจ้าของเงินค่าจ้างตัวจริง”อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ฝากทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี