นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขับเคลื่อนโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯน้อมนำหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นทางรอดจากผลกระทบของวิกฤติ เกษตรกรพึ่งตนเองได้ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงอาหารด้วยแหล่งอาหารที่ตนเองผลิต ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของเกษตรกรชัดเจน โดยนำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองให้สอดคล้องเหมาะกับสภาพพื้นที่ ช่วยลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ อันเกิดจากการพัฒนาศักยภาพตัวเอง ครอบครัว ชุมชน โดยสร้างอาชีพเหมาะสมกับทรัพยากรและปัจจัยการผลิตที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า มุ่งหวังพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
นางจินตนา ปัญจะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 จังหวัดราชบุรี (สศท.10) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่ของ สศท.10 สัมภาษณ์นายวิโรจน์ กอนสุข ปราชญ์เกษตรกร ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรทฤษฎีใหม่ หมู่ 1 ต.หนองตาแต้มอ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ประสบความเสร็จในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยเข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ของกระทรวงเกษตรฯตั้งแต่ปี 2560 และน้อมนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผนวกแนวคิดเกษตรผสมผสานประยุกต์ใช้บนพื้นที่ 21 ไร่เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์และจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับพืช แหล่งเก็บน้ำ ปรับปรุงคุณภาพดิน บริหารจัดการน้ำ โดยใช้หลักธนาคารน้ำใต้ดินซึ่งแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ช่วยให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี ซึ่งหลักทำเกษตรทฤษฎีใหม่ของนายวิโรจน์ต่อยอดโดยขยายผลสู่เกษตรกรรายอื่นในต.หนองตาแต้ม กว่า 90 ครัวเรือน และขยายผลทำธนาคารน้ำใต้ดินไปสู่อ.ปราณบุรี อีก 5 จุด ปัจจุบันมีเกษตรกรแปลงใหญ่และเกษตรกรทั่วไปสนใจทำเกษตรทฤษฎีใหม่เพิ่มขึ้น โดยเข้ามาศึกษาดูงานที่ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรทฤษฎีใหม่นำไปปรับประยุกต์ใช้จัดการพื้นที่เกษตรตนเอง ประมาณ 200 คน/ปี ซึ่งทางศูนย์ฯถ่ายทอดองค์ความรู้หลายด้าน เช่น วางระบบน้ำ การทำเกษตรใช้น้ำน้อย การทำน้ำหมักชีวภาพ การจัดทำบัญชีครัวเรือน
สำหรับพื้นที่การเกษตรของนายวิโรจน์ 21 ไร่ แบ่งสัดส่วนเป็นนาข้าว10 ไร่ สับปะรด 7 ไร่ บ่อน้ำ 1 ไร่(แบ่งเป็น 2 บ่อ) ไม้ผลได้แก่ มะม่วงและมะพร้าว 1 ไร่ ส่วนที่เหลือ 2 ไร่ แบ่งเป็น ปลูกพืชผัก สมุนไพร เลี้ยงไก่และที่อยู่อาศัย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ 40,000 บาท/ปี เพราะลดใช้สารเคมีลง 70% เปลี่ยนเป็นผลิตปุ๋ยอินทรีย์สารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช สร้างรายได้ประมาณ 400,000 บาท/ปี ซึ่งรายได้แบ่งเป็น นาข้าว 120,000 บาท/ปี สับปะรด 200,000 บาท/ปี ไม้ผล 40,000 บาท/ปี และพืชผักสมุนไพร 40,000 บาท/ปีเมื่อหักต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว คิดเป็นรายได้เฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 250,000 บาท/ปีนอกจากนี้ ยังรวมกลุ่มในรูปวิสาหกิจชุมชน เพื่อรวบรวมผลผลิตส่งขายโดยคัดเกรดสินค้าให้ได้คุณภาพตรงความต้องการของตลาด และยังมีพ่อค้าประจำมารับซื้อผลผลิตถึงพื้นที่ ทั้งนี้ เกษตรกรหรือผู้สนใจทำเกษตรทฤษฎีใหม่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นายวิโรจน์ กอนสุข ปราชญ์เกษตรกร ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรทฤษฎีใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 08-3916-5159
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี