"อนุทิน"นั่งหัวโต๊ะกก.แก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น สั่งร่างกฎกระทรวงให้วัยรุ่น ได้รับสิทธิช่วยเหลือสวัสดิการสังคม"บริการอนามัยการเจริญพันธุ์"

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ครั้งที่ 1/2563 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดสิทธิในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... เพื่อให้วัยรุ่นได้รับสิทธิ คำปรึกษา ความช่วยเหลือ สวัสดิการทางสังคมด้านบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ โดยให้นำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบเรื่องการปรับระบบการเข้าถึงบริการอนามัยการเจริญพันธุ์สำหรับวัยรุ่น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้วัยรุ่นมีอุปสรรคในการเข้าถึงบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ หรือการเข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้น จึงได้มีแนวทางปรับรูปแบบให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือได้สะดวก อาทิ การให้คำแนะนำปรึกษา การให้บริการคุมกำเนิด การปรึกษาทางเลือกกรณีตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยให้บริการผ่านระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) การให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ การให้ความรู้ทางแอปพลิเคชัน LINE เป็นต้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบถึงผลการสำรวจผลกระทบและความต้องการของเด็กและเยาวชน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากผลสำรวจพบว่าในช่วงนโยบายงดออกจากบ้าน เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับสื่อออนไลน์ และรับข้อมูลข่าวสารจากทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ส่งผลให้เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการป้องกันตัวจากเชื้อไวรัสโควิด-19 และเป็นกระบอกเสียงในการสร้างความเข้าใจแก่ผู้สูงอายุในชุมชน และนายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้ทุกคนไม่ประมาทโดยเฉพาะช่วงเวลาการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ที่มีการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ อาบอบนวด ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ย้ำขณะนี้ประเทศไทยต้องชะลอการเปิดการรับการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ เนื่องจากต่างประเทศยังคงพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ขอให้มั่นใจว่าทางกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการดูแลคนไทยและไม่ขาดแคนเวชภัณฑ์อย่างแน่นอน