นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีของทั้ง 2 หน่วยงานจะได้ร่วมมือวิจัยพัฒนานวัตกรรมด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จากข้อมูลการวิเคราะห์สถิติการประมงของจังหวัด พบว่า ตัวเลขข้อมูลสัตว์น้ำที่ใช้ดำเนินงานจะมาจาก 2 ส่วนคือ จับสัตว์น้ำจืดจากธรรมชาติประมาณ 70% และระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประมาณ 30% กรมประมงจึงมีนโยบายวิจัยพัฒนาในส่วนระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอาหารของโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของห่วงโซ่อาหารไปจนถึงกระบวนการแปรรูปอาหาร ความร่วมมือนี้เป็นความเชื่อมั่นว่า ผลงานที่จะเกิดขึ้นของกรมประมงและสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จะตอบโจทย์ประเทศรูปแบบใหม่ ให้เติบโตด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เพื่อสร้างธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศสู่การแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากกรมประมงมีศักยภาพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และสวทช.มีองค์ความรู้ด้านวิจัยพัฒนาสนับสนุนเรื่องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดังนั้น เชื่อมั่นว่านี่คือ จุดเริ่มต้นนำพัฒนาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีและเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลกในอนาคต
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผอ.สวทช.กล่าวว่า สวทช.มุ่งผลักดันให้ไทยแข็งแกร่งและก้าวสู่การแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก โดยนำความสามารถด้านวทน. มาสนับสนุนภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมให้ดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสวทช.มีโปรแกรมผลิตสัตว์น้ำและสุขภาพสัตว์น้ำ ภายใต้กรอบวิจัยด้านเกษตรและอุตสาหกรรมชีวภาพทำงานเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้การผลิตสัตว์น้ำเศรษฐกิจ โดยเน้นเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พึ่งพาทรัพยากรและวัตถุดิบในประเทศ และเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตสัตว์น้ำของประเทศ ทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ครอบคลุมการวิจัยพัฒนาหลายด้าน เช่น ปรับปรุงพันธุ์ รวมถึงพัฒนาสูตรอาหารสัตว์น้ำโดยใช้เทคโนโลยีเก็บสารสำคัญ ด้านระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีการพัฒนางานวิจัยด้านระบบอัจฉริยะที่ช่วยเกษตรกรติดตามดูแลคุณภาพน้ำ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยีหลักคือ ระบบบริหารจัดการคุณภาพน้ำ อุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณสารเคมี ตรวจวัดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย รวมถึงงานวิจัยโรคและสุขภาพสัตว์น้ำ เช่น พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์น้ำ
ซึ่งความร่วมมือนี้ เป็นการดำเนินงานวิจัยด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนร่วมกำหนดทิศทางงานวิจัยและพัฒนาด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลก ทำให้พัฒนาวิธีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ไทยถือเป็นประเทศมีจุดแข็งเรื่องภูมิประเทศที่ค่อนข้างหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศสมบูรณ์มีผู้เชี่ยวชาญวิจัยสัตว์น้ำ เกษตรกรไทยเชี่ยวชาญเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งภาคเอกชนเข้มแข็งเข้าถึงวทน.และตลาดได้ดี นอกจากนี้ ยังพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่เสมอ
“ปัจจุบันสวทช.เริ่มวิจัยที่ทำร่วมกับกรมประมงบ้างแล้ว เช่น โครงการปรับปรุงลักษณะการเจริญเติบโตปลานิลในระบบการเลี้ยงแบบน้ำหมุนเวียน โครงการผลการใช้ถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนปลาป่นในอาหารเม็ดสำเร็จรูปต่ออาการขี้ขาวของกุ้งขาวแวนนาไม ซึ่งผลงานวิจัยบางส่วนนี้นำมาสู่การเชื่อมโยงกับการทำงานร่วมกัน เพื่อนำผลงานวิจัยที่เข้มแข็งไปประยุกต์ใช้สนับสนุนอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี