กรมวิชาการเกษตรย้ำนักเปิบแมลงไม่ต้องรอ 2 ตั๊กแตนคอนเฟิร์มไม่เข้าไทย เคลียร์พบระบาดในลาวเป็นตั๊กแตนไผ่พลิกไทม์ไลน์ 4 ปี วนเวียนระบาดพื้นที่เดิม ส่วนตั๊กแตนทะเลทรายพบระบาดล่าสุดในอินเดีย ยันสภาพอากาศเมืองไทยไม่เป็นใจให้ 2 ตั๊กแตนตั้งรกรากและขยายเผ่าพันธุ์
นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรชี้แจงกรณีมีข่าวฝูงตั๊กแตนระบาดในพื้นที่ตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ขณะนี้ว่า สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบแล้ว พบเป็นตั๊กแตนไผ่ที่มีรายงานการระบาดอยู่ที่สปป.ลาวมาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว ซึ่งในช่วงที่พบการระบาดของตั๊กแตนไผ่ กรมวิชาการเกษตรส่งนักวิจัยเข้าไปติดตามสถานการณ์ระบาดของตั๊กแตนไผ่ในสปป.ลาวใกล้ชิด จนถึงปัจจุบันพบว่าตั๊กแตนไผ่ยังระบาดวนเวียนอยู่ในพื้นที่เดิมของสปป.ลาวตอนเหนือ ซึ่งมีสภาพเป็นภูขาและป่าไผ่ อากาศหนาวเย็น และฝูงตั๊กแตนบางส่วนระบาดเข้าไปตอนเหนือของเวียดนาม จึงขอยืนยันว่าเป็นตั๊กแตนคนละชนิดกับตั๊กแตนทะเลทรายที่พบระบาดในอินเดียและแอฟริกาตามที่เป็นข่าวขณะนี้
ตั๊กแตนไผ่ ชอบอากาศค่อนข้างเย็นและมีต้นไผ่ในธรรมชาติจำนวนมาก ขณะที่ไทยสภาพอากาศร้อนชื้นไม่เหมาะกับการดำรงชีวิตของแมลงชนิดนี้ ดังนั้น จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเข้ามาระบาดในประเทศไทย นอกจากพืชกลุ่มไผ่แล้วแมลงชนิดนี้ยังเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของพืชในตระกูลหญ้า และยังพบว่าสามารถเข้าทำลายพืชตระกูลปาล์มและพืชล้มลุกบางชนิด ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรจึงสำรวจและเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเข้ามาระบาดในประเทศไทย โดยใช้กับดักเหยื่อพิษวางตามแนวชายแดนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง พร้อมตรวจกับดักทุก 3 วันและ 7 วัน ตรวจเช็คชนิดของตั๊กแตนที่ตายบริเวณกับดักเปรียบเทียบกับรูปภาพตั๊กแตนไผ่ ในกรณีที่พบมีลักษณะใกล้เคียงตามภาพตัวอย่าง ให้เก็บตัวตั๊กแตนนำส่งที่สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชเพื่อนำมาจำแนกชนิดว่าเป็นตั๊กแตนไผ่หรือไม่ โดยเฝ้าระวังตามวิธีการดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบันยังไม่พบตั๊กแตนไผ่เข้ามาระบาดในประเทศไทย
การป้องกันกำจัดตั๊กแตนไผ่ในกรณีพบในเขตประเทศไทย ให้ป้องกันกำจัดโดยใช้สารฆ่าแมลงชนิดใดชนิดหนึ่ง ดังนี้ อีโทเฟนพรอกซ์ 20% EC อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร หรือเดลทาเมทริน 3% EC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร หรือแลมป์ดาไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร การป้องกันกำจัดโดยนำมาบริโภคไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากตั๊กแตนไผ่ลำตัวแข็ง รสชาติขม และมีกลิ่นเหม็น
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า ส่วนตั๊กแตนอีกชนิดหนึ่งพบระบาดอยู่ที่อินเดียและเริ่มเข้าไปในเนปาลและตอนใต้ของจีนขณะนี้ เป็น “ตั๊กแตนทะเลทราย” ระบาดต่อเนื่องมาจากทวีปแอฟริกา ก่อนระบาดเข้ามาทางประเทศแถบตะวันออกกลาง และอินเดีย เป็นตั๊กแตนที่อพยพเป็นกลุ่มใหญ่ สามารถเพิ่มจำนวนได้รวดเร็ว กินพืชได้หลายชนิดและกินได้ทุกส่วนของพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ อ้อย ไม้ผล และพืชผัก หากมีการระบาดจะเกิดความเสียหายรุนแรง รวดเร็วและเป็นบริเวณกว้าง โดยสถานการณ์ล่าสุด FAO รายงานว่าตั๊กแตนทะเลทรายแพร่ระบาดในรัฐราชสถาน ทางตอนเหนือของอินเดีย ซึ่งได้มีการพยากรณ์ว่าตั๊กแตนที่ระบาดในภาคเหนือมีแนวโน้มระบาดในเขตภาคตะวันออกและตะวันตกของอินเดียช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ก่อนกลับไปวางไข่ในรัฐราชสถานช่วงเริ่มเข้าฤดูมรสุม โดยการระบาดขณะนี้เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์
“ตั๊กแตนที่พบการระบาดอยู่ในขณะนี้ที่สปป.ลาวและอินเดีย เป็นตั๊กแตนต่างชนิดกัน ยืนยันว่าจะไม่เข้ามาระบาดในประเทศไทย เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไม่เหมาะกับการตั้งรกรากและขยายเผ่าพันธุ์ของตั๊กแตนทั้ง 2 ชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรทำแผนเชิงรุกเฝ้าระวังการระบาดของตั๊กแตนทั้ง 2 ชนิดนี้ไว้พร้อมแล้ว และติดตามสถานการณ์ระบาดใกล้ชิดหากมีความคืบหน้ากรมวิชาการเกษตรจะแจ้งให้ทราบต่อไป”อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี