ทรงชมเชยทุกฝ่ายสู้โควิด
ในหลวงรับสั่ง
ให้รบ.ดูแลปชช.มีชีวิตที่ดี
นายกฯย้ำทุกคนระวังตัว
หวั่นไวรัสกลับมาใหม่
บิ๊กแดงแจงผบ.ทบ.สหรัฐ
เข้าไทยปฏิบัติตามกฎสธ.
นายกฯ เผย ในหลวงทรงชมเชย ขอบคุณรัฐบาล–จนท.ทุกฝ่าย ที่ทำงานร่วมแก้โควิด-19 ระบาด จนนานาชาติยกย่องพร้อมพระราชทานกำลังใจเป็นกรณีพิเศษ ทรงย้ำให้ดูแลปชช.ด้วยความเป็นธรรม สร้างความรักความสามัคคี ขณะที่รัฐบาลยันเตรียมงบรับมือระลอก 2 ไว้พร้อม ขอให้ปชช.ระวังตัวให้ดี เพื่อไม่ต้อง
ย้อนไปตั้งต้นใหม่ ศบค.สรุปป่วยเพิ่ม 2 กลับจากอินเดีย-อินโดฯ ในปท.เป็นศูนย์ 44 วันแล้ว สธ.เผยผลสำรวจกิจกรรมกิจการเฟส 5 รอบ 1 สัปดาห์ พบขนส่ง-
ตลาดการ์ดเริ่มตก
เรื่องเว้นระยะ–ใส่หน้ากากลดลง–ทำความสะอาด ชี้ร้านอาหารเสี่ยง พบปชช.ใช้เป็นที่สังสรรค์ หวั่นอาจต้องซื้อกลับไปกินบ้าน “บิ๊กแดง”แจงปมผบ.ทบ.สหรัฐเยือนไทย ยึดมาตรการ สธ.เข้ม ปฎิบัติตามเงื่อนไข 6ข้อศบค.เล็งยึดโมเดลรับแขกตปท.แบบนิวนอร์มอล
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า (ครม.)ว่า สิ่งที่อยากจะเรียนให้ทราบคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทุนทรัพย์จัดซื้อรถพยาบาล ที่เป็นลักษณะของรถเคลื่อนที่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาไว้ 1 คัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเพิ่มเติมเพื่อให้ครบเขตการให้การบริการที่สามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ร.10ชมเชยขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายสู้โควิด
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในการเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายข้อราชการตามช่วงระยะเวลาของรัฐบาลเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ สิ่งที่ทรงรับสั่งลงมาเรื่องแรกคือ ทรงชมเชย ขอบคุณทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และทุกคนที่ร่วมทำงานด้วยกันแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งวันนี้ได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานภายนอก ต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทย ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานกำลังใจเป็นกรณีพิเศษ
ทรงย้ำรบ.ดูแลปชช.ให้รักสามัคคี
“นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องที่สอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสรับสั่งเรื่องความรัก ความสามัคคี และรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ดูแลเรื่องความเป็นธรรม ความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ พระองค์ทรงเน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งทำให้บ้านเมืองของเรามีเสถียรภาพให้ดีที่สุด บริหารจัดการทุกอย่างให้ได้ทุกมิติ ส่วนปัญหาใดที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนขอให้รัฐบาลมีแผนงานโครงการไปดูแลให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม
ทรงสนใจเรื่องน้ำ-ป่าเป็นพิเศษ
“สิ่งที่ทรงให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ เรื่องน้ำ ป่า การกักเก็บน้ำ เพื่อประชาชนที่ยังเดือดร้อนจะได้รับการช่วยเหลือดูแล พระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องเหล่านี้มาก สำหรับการบริหารจัดการด้านอื่นนั้นรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ของรัฐบาลให้ดีที่สุด เพื่อสนองพระราโชบาย โดยเฉพาะเรื่องการสืบสาน รักษาและต่อยอด ต้องดำเนินการให้เหมาะสมให้ดีที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าว และว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสรับสั่งอีกเรื่องคือ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ความเป็นอัตลักษณ์ของไทย ซึ่งเราทุกคนควรภูมิใจเรื่องเหล่านี้และรักษาไว้ให้ได้ และคงต้องเปรียบเทียบกับต่างประเทศด้วยว่าเราแตกต่างกับเขาอย่างไรในบริบทต่างๆ หลายอย่าง ซึ่งรัฐบาลก็รับสนองฯตรงนี้ เราต้องช่วยกันศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ได้ เราพัฒนามาตามลำดับ หลายคนยังต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ตนเข้าใจ แต่ก็ต้องนึกถึงด้วยว่าที่ผ่านมาเราได้อะไรไปแล้วบ้าง
นายกฯกล่าวด้วยว่า ในส่วนนี้หลายคนได้ไปแล้ว แต่ยังไม่พอ เพราะความต้องการไม่มีวันสิ้นสุด เราต้องทยอยดำเนินการ จัดลำดับความเร่งด่วนของแผนงานโครงการ การใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด สิ่งเรานี้ต้องไปด้วยกันให้ได้ ด้วยความรัก ความสามัคคี สร้างประเทศไทยให้เข้มแข็งต่อไป ต้องทำให้ประเทศไทยและประชาชนมีความสุข เราต้องให้ประชาชนทั้งปลาและเบ็ด เพราะถ้าเราให้ปลาไปจำนวนมาก งบประมาณเราก็มีจำกัดจะกลายเป็นปัญหางบประมาณในอนาคตเราต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย
ยันมีงบพร้อมรับมือระบาดซ้ำ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์แถลงหลังประชุม ครม.ว่า ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนคงได้ไปพักผ่อน ส่วนตนไม่ได้ไปไหน อยู่ในกรุงเทพฯติดตามงานทุกวัน สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอุปสรรค ต้องมาคิดเพื่อถ่ายทอดให้ครม.ทราบในที่ประชุมว่า เราคิดตรงกันหรือไม่ วันนี้เราต้องเดินหน้าไปด้วยกันทุกภาคส่วน ทำงานร่วมกัน หาแนวทางปฎิบัติที่ดีที่สุด เราทราบว่างบประมาณมีแค่ไหน อย่างไร ทั้งนี้ ต้องเตรียมงบประมาณตรงนี้ไว้ เพื่อรองรับสถานการณ์ หากระบาด และวันนี้งบเยียวยายังพอมีเหลืออยู่ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ก้อนแรก และก้อนที่สอง งบสาธารณสุขก็ยังมี ไม่อยากให้ทุกคนห่วงกังวล เราเตรียมการไว้ หากไม่มี ก็ยังใช้ในแผนงานอื่นได้ วันนี้หลายอย่างเดินหน้าไม่ได้ ด้วยความไม่เข้าใจ หรือการบิดเบือน จึงฝากสื่อสังคมช่วยพิจารณาเจตนาของรัฐบาลด้วย ตนต้องการทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า สถานการณ์ช่วงนี้ลำบาก รัฐบาลก็ลำบากในการบริหาร ประชาชนก็ลำบากในการดำรงชีวิต สิ่งเหล่านี้รัฐบาล ครม.ก็ให้ความสำคัญเต็มที่ ต้องให้เวลากับเราบ้างในการทำงาน และให้เหมาะสมงบประมาณที่มีอยู่
เตือนปชช.ไม่ระวังตัวต้องตั้งต้นใหม่
“ขอให้รักษาตัวให้ดี ในช่วงนี้ เพราะเรากำลังเดินหน้า การท่องเที่ยวภายในประเทศ และการเปิดกิจการต่างๆต่อไป ถ้าไม่ช่วยกันระวังก็ไปไม่ได้ ก็ต้องหยุด เหมือนเดิม และย้อนกลับมาที่เดิมใหม่ ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เรื่องใดก็ตามที่พูดออกมาในสื่อหรือ โซเชียล หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ชี้แจงไปบ้างแล้ว ให้ฟังการชี้แจง เราต้องไม่สร้างความขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง หรือบางเรื่องทำให้เกิดประเด็น เปิดปัญหากับประเทศชาติ ฉะนั้น เราชี้แจงในส่วนข้อเท็จจริง คงได้เท่านั้น ไม่ใช่ทำให้สถานการณ์ร้อนระอุไปทุกเรื่อง ผมเน้นเรื่องให้ข้อมูลข่าวสารของกระทรวง คงไม่ใช่ให้ครั้งเดียว ต้องพูดด้วยว่า สิ่งที่ทำไปแล้วเกิดผลสัมฤทธิ์อะไรขึ้น และเกิดผลประโยชน์โดยตรงโดยอ้อมอย่างไร เป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าถึงบริการภาครัฐคือโอกาสความเท่าเทียม เรื่องความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่ต้องไม่ให้เป็นภาระงบประมาณระยะยาว รัฐบาลต้องทำดีที่สุด ผมยืนยันในเจตนารมณ์ของผมเอง” นายกฯกล่าว
ติดเชื้อใหม่2-ในปท.เป็นศูนย์ต่อเนื่อง
อีกด้านหนึ่ง ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทยวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้ 3,197 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 58 ราย หายป่วยกลับบ้านได้เพิ่มอีก 2 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม 3,074 ราย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 65 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อในประเทศยังเป็นศูนย์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 44
2รายใหม่กลับจากอินเดีย-อินโดฯ
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 รายนั้น เดินทางกลับจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานที่กักตัวรัฐ ( State Quarantine) โดยรายแรก เป็นชายไทย อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง มาจากอินเดียถึงไทยวันที่ 23 มิถุนายนและเข้าพักในที่กักตัวของรัฐที่กรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พบผู้เดินทางมาพร้อมกันติดเชื้อ 6 ราย โดย 2 รายเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 26 มิถุนายนไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 กรกฎาคม พบเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ รายที่ 2 เป็นชาย อายุ 39 ปี อาชีพนักเผยแพร่ศาสนากลับมาจากอินโดนีเซียถึงไทยวันที่ 24 มิถุนายนเข้าพักใน State Quarantine ที่จ.ชลบุรี ก่อนหน้านี้พบผู้เดินทางมาพร้อมกัน 4 รายติดเชื้อ โดยชายคนดังกล่าวตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 29 มิถุนายนไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 5 กรกฎาคม พบเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ
อินเดียหนักสุดในเอเชีย-ไทยอันดับ99
พญ.พรรณประภายังกล่าวถึงสถานการณ์ระบาดทั่วโลกว่า ผู้ป่วยยืนยันสะสมอย่างน้อย 11,950,044 ราย รักษาตัว 58,227 ราย รักษาหายแล้ว 6,895,290 ราย เสียชีวิต 546,622 ราย สหรัฐฯเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือบราซิล และอินเดีย สถานการณ์ฝั่งเอเชีย อินเดียมีผู้ป่วยสะสมและผู้ป่วยใหม่มากที่สุด รองลงมาคือ ปากีสถาน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ส่วนที่ญี่ปุ่นพบผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 206 ราย ส่วนใหญ่ระบาดจากสถานบันเทิง ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 99
สธ.ย้ำเตรียมรับระบาดรอบ2
ขณะที่นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อเนื่อง 44 วันแล้ว ทำให้สิ้นสุดการระบาดคลื่นลูกที่ 1 แล้ว แต่ไทยยังต้องเตรียมรองรับการระบาดรอบ 2 เนื่องจากทั่วโลกยังระบาดเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามไทย ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็เห็นด้วยกับมาตรการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้หลักเปิดอย่างมีสติ สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำคือ ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด
เผยผลสำรวจกิจการเฟส5
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัยแถลงผลการตรวจสอบกิจกรรมกิจการหลังผ่อนปรนมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า จนถึงขณะนี้ครบรอบ 1 สัปดาห์ กรมฯสำรวจสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนเพิ่มเติม โดยไปดูสถานที่จัดประชุม สัมมนาและนิทรรศการ ทั้งในโรงแรม และศูนย์ประชุม 222 แห่ง พบว่าให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี แต่ยังต้องเพิ่มรอบการทำความสะอาดในพื้นที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ พบสวมร้อยละ 94-95 จึงอยากย้ำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกมานอกบ้าน ส่วนสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ 51แห่ง ขณะนี้บางสถานที่งดให้ญาติเยี่ยม เพื่อลดความแออัด แต่ต้องย้ำสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มเล็ก และเข้าไปอยู่ในสถานที่เกิน 14 วัน ถือว่า ปลอดภัยระดับหนึ่ง การสวมหน้ากากอนามัยอาจอึดอัด สามารถผ่อนปรนการสวมหน้ากากได้บ้าง ในกิจกรรมที่ไม่แออัด แต่บุคคลภายนอกผู้ดูแล ต้องสวมหน้ากากอนามัย สม่ำเสมอ และเว้นระยะทั้งเรื่องกางเตียง ทำกิจกรรม ทั้งนี้รวมถึงคนดูแลผู้สูงอายุที่บ้านด้วย
ขนส่ง-ตลาด-ร้านอาหารการ์ดตก
พญ.พรรณพิมลกล่าวต่อว่า ในการสำรวจสถานที่ขนส่งสาธารณะ อยากเน้นย้ำคนใช้บริการ ต้องสวมหน้าอนามัยทุกครั้ง เพราะพบสวมแค่ร้อยละ 89 น้อยกว่าที่สาธารณะอื่น ตอนนี้ยิ่งมีการผ่อนปรนระยะห่างในรถ ยิ่งต้องสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือ อยากให้ผู้ประกอบการช่วยย้ำลงทะเบียนทุกครั้ง จะได้ติดตามได้ ถ้ามีการติดเชื้อในระบบขนส่ง ส่วนตลาด จากการสำรวจ พบแออัด ต้องเพิ่มระยะห่างและใส่หน้ากากอนามัยมากกว่านี้ เพราะสำรวจพบสวมหน้ากากอนามัยแค่ ร้อยละ 70 แต่การล้างมือยังสม่ำเสมอ ส่วนการใช้บริการร้านอาหารนั้น การล้างมือทำได้ดี แต่การเว้นระยะห่างทำได้น้อย บางคนใช้ร้านอาหารเป็นที่พบปะพูดคุย ห่วงการใช้ร้านอาหารสังสรรค์ เกรงว่าต่อไปอาจต้องกลับไปซื้ออาหารรับประทานที่บ้านเหมือนเดิมเพราะความสุ่มเสี่ยง ไม่มีระยะห่างที่เหมาะสม ส่วนการเปิดโรงเรียน ไม่พบปัญหา
สั่งเหล่าทัพจับตาต่างด้าวทะลัก
พล.ท.อภิสิทธิ์ นุชบุษบา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร หัวหน้าทีมโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงหลังประชุมผบ. เหล่าทัพถึงการเฝ้าระวังต่างด้าวหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติหลังผ่อนคลายมาตรการโควิด -19ว่า ผบ.ทสส.ติดตามสถานการณ์อยู่ กำชับที่ประชุม ผบ. เหล่าทัพ ก็ได้กำชับให้กองกำลังชายแดนขึงลวดหนามตลอดแนวชายแดน และเฝ้าตรวจคัดกรองเข้มงวด. ทั้งนี้ กังวลสถานการณ์ในอนาคตหากมีการเข้ามามากขึ้น และเข้ามาส่วนกลาง ผบ.ทบ.กำชับ ทภ.3 ดูแลสถานการณ์เข้าออกชายแดน ให้ตรวจนับจำนวนคน ถ้าพบปัญหาให้รีบแก้ไข
บิ๊กแดงแจงปมผบ.ทบ.มะกันเยือนไทย
ส่วนพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ชี้แจงถึงกรณีผบ.ทบ.สหรัฐและคณะเดินทางมาเยือนไทยระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคม หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฎิบัติตัวก่อนเข้ามาประเทศไทยว่า ผบ.ทบ.สหรัฐมาเพียงวันเดียวคือวันที่ 9 และกลับวันที่ 10 มาลงนามแถลงวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ เรื่องนี้ผูกพันกันมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 จากการลงนามว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศหรือ Join Vision statement 2020 ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐและของไทย เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมา
ปัดไม่ตรวจเชื้อยันเข้มมาตรการสธ.
โดยข้อข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนกำลังพลที่ไปฝึก เช่น ขณะนี้มีกองร้อยทหารราบของ กองทัพบกไทย โดยจัดกำลังหลักจากกองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม อยู่รัฐฮาวายสหรัฐ ไปฝึกร่วมกับ กองพลทหารราบที่ 25 จำนวน 152 นาย โดยกระบวนการเดินทางเป็นข้อตกลงระหว่างกัน ซึ่งกำลังพลของกองทัพบกไทยทั้งหมด ต้องกักตัว 14 วัน ตามที่ ศบค.กำหนด และเช่าเครื่องเหมาลำ เพื่อเดินทางไปสหรัฐ และเมื่อเดินทางกลับมาต้องกักตัวอีก 14 วัน เช่นเดียวกัน คณะของผบ.ทบ.สหรัฐไม่ปฎิเสธที่จะปฎิบัติตามระเบียบใดๆทั้งสิ้น ถามแต่ว่าจะให้ทำอะไร ให้บอกมา ซึ่งเรื่องนายกรัฐมนตรีและทางศคบ.ได้ประชุมกับกองทัพบก เพราะเป็นแขกของกองทัพบก และเราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ซึ่งผบ. ทบ. สหรัฐฯไม่ได้ปฏิเสธรวมถึงคณะทั้ง 10 คนก่อนจะเดินทางมา swop (ตรวจสอบ)3-4 ครั้งและปฏิบัติตามระเบียบที่มีการหารือกันโดยตลอด ไม่มีการ ฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียว
เล็งใช้เป็นโมเดลรับแขกตปท.
“ยืนยันปฎิบัติตามระเบียบ 2 ข้อที่เกี่ยวข้องคือ มาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ฉบับที่ 12 ว่าด้วยผู้มีเหตุยกเว้นหรือกรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้ารับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดหรืออนุญาตหรือเชิญผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงและเวลาได้ และ 2.ตามคำสั่ง ศบค.ที่ 7/2563 และทำตามเงื่อนไข 6 ข้อ ที่ศบค.กำหนดทุกประการ อาทิ มีหนังสือรับรองเดินทางว่าเป็นบุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร มีใบรับรองแพทย์สำหรับการเดินทาง ก่อน 72 ชั่วโมง”ผบ.ทบ.ระบุ และว่า เมื่อเดินทางถึงไทย ต้องตรวจหาเชื้อ ด้วยคณะแพทย์สธ. ที่ติดตามคณะผบ.ทบ.สหรัฐตลอดร่วมกับ คณะแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมถึงเจ้าหน้าที่การบินไทยเพื่อดูเป็นโมเดลตัวอย่างว่าในอนาคต หากมีคณะอื่นมาเยือนจะได้ปฏิบัติถูกว่าเรามีระเบียบอย่างไร
ยันนายกฯกำชับให้ปฎิบัติตามกฎ
ผล.ทบ.กล่าวด้วยว่า นายกฯไม่เคยบอกให้เลื่อนกำหนดการ แต่บอกว่า ถ้ามาต้องปฎิบัติตามกฎ เพราะนายกฯทราบว่า เป็นการฝึกต่อเนื่อง รวมถึงการแลกเปลี่ยน เช่นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ เราต้องส่งนักบิน 2 นายไปทำงานที่สหรัฐกับกองทัพบกสหรัฐเป็นเวลา 2 ปี ขณะเดียวกัน สหรัฐฯก็ส่งนักบินแบล็คฮ็อคมาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์การบินทหารบก ในฝูงบินแบล็คฮ็อค เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี