‘เทวัญ’งัดกฎเหล็กห้ามวัดทั่วประเทศ เปิดให้ถ่ายรายการแนว‘ช่องส่องผี’ ประสานดีอีเอสเช็กเลี่ยงออกทางยูทูป คนโคราชเผยมาขอขมาต้องทำตามประเพณี
12 กรกฎาคม 2563 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายประเสริฐ บุญชัยสุข ในฐานะลูกหลานคุณย่าโม-คุณย่าบุญเหลือ และนายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา ตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวนครราชสีมา ร่วมกันลงพื้นที่ทำบุญเข้าพรรษา ถวายเทียน ผ้าอาบน้ำฝนตามวัดต่างๆใน จ.นครราชสีมา พร้อมทั้งได้เดินทางไปยังวัดศาลาลอย อำเภอเมือง โดยได้พบกับพระครูธรรมธรสมพงษ์ จิระวังโส พระเลขานุการวัดศาลาลอย โดยมีการพูดคุย พร้อมรับมอบรูปหล่อท้าวสุรนารี ก่อนไปตรวจดูจุดที่ผู้ดำเนินรายการ “ช่องส่องผี” มาถ่ายทำรายการ พร้อมทั้งได้จุดธูปเทียน ถวายดอกไม้ พวงมาลัยดอกดาวเรือง กราบไหว้สักการะ
นอกจากนี้ยังได้กราบไหว้ที่หน้ารูปหล่อองค์ท้าวสุรนารี 1 นาที และหน้ารูปหล่อนางสาวบุญเหลือ 1 นาที ท่ามกลางลูกหลานพี่น้องประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักจนแน่นวัด ลูกหลานหลายคนต่างเดินเข้ามาสอบถามถึงข่าวดังกล่าวด้วยความสนอกสนใจ จนทำให้เป็นการเพิ่มความรักเคารพความศรัทธาต่อคุณย่าโมและคุณย่าบุญเหลือมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้หลายคนก็ไปยืนยกมือกราบไหว้รูปปั้นพระปลัดทองคำที่ยืนอยู่หน้าอุโบสถ์หลังเก่าอายุเก่าแก่ ก่อนที่นายเทวัญ ได้เดินไปหยุดยืนจุดเดียวกับที่ผู้ดำเนินรายการ “ช่องส่องผี” มาถ่ายทำรายการดังกล่าว
นายเทวัญ กล่าวว่า วันนี้ได้เห็นพี่น้องชาวโคราช ลูกหลานย่าโมย่าบุญเหลือมากันมาก ก็อาจจะด้วยว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และช่วงเข้าพรรษา ทุกคนจึงมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถือว่าคุณย่าทั้ง 2 ท่านเป็นที่เคารพรักบูชาศรัทธาของพี่น้องชาวโคราชและชาวไทย ตนจึงถือโอกาสมากราบคุณย่าโมและคุณย่าบุญเหลือ ซึ่งจริงๆเราก็มากราบไหว้เป็นประจำอยู่แล้ว
นายเทวัญ ระบุว่า ส่วนที่ทางผู้บริหาร ผู้ดำเนินรายการ “ช่องส่องผี” ประสานไปยังนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ว่าจะมาขอขมาและกล่าวขอโทษพี่น้องชาวโคราชวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม นี้ ตนคิดว่าการที่ผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 คน มีความประสงค์ที่จะมากราบขอขมาคุณย่าโม และคุณย่าบุญเหลือ ถือเป็นประเพณีและเป็นสิ่งที่ดี เพราะพอเราสำนึกผิดแล้ว ตนคิดว่าพี่น้องชาวโคราชก็พร้อมที่จะให้อภัยในเรื่องนี้ แต่ในเรื่องกระบวนการของกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะถือว่าการมาลบหลู่ การที่มาบิดเบือนประวัติศาสตร์ มีความผิดอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องไปดูในแง่ของกฎหมาย
นอกจากนี้ยังทราบว่ารายการนี้ยังไปบิดเบือนประวัติศาสตร์ของพระเจ้าตากสินมหาราช และยังไปที่ จ.ระยอง ที่มี “สุนทรภู่” ตนคิดว่าต้องมีหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น กสทช. หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเข้าไปดูแล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก แต่ในส่วนของ จ.นครราชสีมา เรื่องจิตใจของพี่น้องชาวโคราช ตนว่าการมาขอขมาย่าทั้ง 2 ท่าน อาจจะทำให้ชาวโคราชรู้สึกให้อภัย
“การจะไปทำรายการอะไรก็แล้วแต่ ไปทำแล้วไปบิดเบือนประวัติศาสตร์ และไม่มีใครดำเนินการเรื่องนี้ผมว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่วนจะกำชับสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นั้น เราได้มีจดหมายไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , จังหวัด , กสทช. ว่า ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในแง่ของข้อมูล วันที่มาอัดรายการที่วัดศาลาลอยแห่งนี้ และเราทำไปถึงทุกจังหวัดให้ พศ.ทุกจังหวัด ไปประสานกับทุกวัด ว่า ถ้าในกรณีมีรายการอะไรก็แล้วแต่ ที่จะมาถ่ายทำลักษณะอย่างนี้ขอให้พิจารณาวิเคราะห์ให้ดีว่าถ้ามาทำรายการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนาธรรม หรือทางพุทธศาสนา เรายินดี แต่ถ้ามาทำรายการลักษณะเป็นเรื่องของการลบหลู่ บิดเบือนประวัติศาสตร์ขอให้พิจารณาว่าไม่อนุญาต” นายเทวัญ กล่าว
นายเทวัญ กล่าวด้วยว่า ส่วนมีมีข้อเสนอจะถ่ายโอนคดีของ “ช่องส่องผี” ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะกฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้อย่างไรนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ว่ากฎหมายทำอะไรไม่ได้ คนกระทำความผิดทางกฎหมายก็ต้องทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องไปดูข้อรายละเอียดว่าผู้เสียหานคือใคร เรื่องนี้เราได้ประสานไปยังกรมศิลปากรด้วย ซึ่งเป็นผู้ดูแลหอประวัติศาสตร์ของประเทศไทย และให้วัฒนธรรมจังหวัดประสานไปยังญาติของคุณย่าทั้ง 2 ท่าน และมีผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ไปแจ้งความร้องทุกข์อยู่ก็ต้องไปดูรายละเอียดตรงนั้น
“อย่างที่ผมบอกวันนี้เขามีความประสงค์ที่จะมาขอขมา หมายถึงเขาเองก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด ซึ่งชาวโคราชอาจจะรู้สึกว่าเหมือนกับถ้าสำนึกผิดแล้ว ส่วนกระบวนการของกฎหมายก็ต้องไปว่ากัน ส่วนถ้าหากเขาไม่มาหรือยังไม่มาก็เป็นจิตสำนึกของเขา ว่าวันนี้เขากระทำความผิดแล้วชาวโคราชให้โอกาสแล้ว เขาไม่ใช้โอกาสตรงนี้ตรงนี้ ผมว่ากระบวนการกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย เพราะมีการแจ้งความร้องทุกข์กันไปแล้ว” นายเทวัญ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีทีมผู้ดำเนินรายการเดินทางมาขอขมาและขอโทษ การขอขมาแค่พวงมาลัยพวงเดียวคงไม่ได้ใช่หรือไม่ นายเทวัญ กล่าวว่า ถ้าถามตนการขอขมาต้อง 1.วันที่ 19 กรกฎาคม ท่านมาหรือไม่ 2.ตนยังไม่ได้รับการประสาน ก็ได้ข่าวมาเหมือนกันว่าจะมาวันที่ 19 กรกฎาคม ส่วนการขอขมาก็คงต้องมาดูว่าในการขอขมาปรกติแล้ว กระบวนการในการขอขมาที่ถูกต้องตามประเพณีทำกันอย่างไร ก็คงให้ถูกต้องตามประเพณี ส่วนทีมรายการเลี่ยงไปออกสื่อทางทีวี แต่ไปออกทางยูทูปนั้น เรื่องนี้ต้องทำเรื่องไปถึง กระทรวงดีอีเอส. ให้ช่วยดู ตนคิดว่าว่านี้พี่น้องคงจะทราบแล้วว่ารายการแบบนี้มันบิดเบือนประวัติศาสตร์ ตนคิดว่าทุกคนก็ต้องพิจารณาในการดูว่าเหมาะสมขนาดไหน ส่วนการมาขอขมาก็ต้องมาทั้งรายการ เพราะมันเป็นทีม ผู้ดำเนินรายการคงต้องมาทั้งหมด เพราะมาร่วมรายการกันทั้งหมด จะบอกว่าคนใดคนหนึ่งคงไม่ได้
“สำหรับการเตือนสติคนไทยเรื่องของความเชื่อนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา ฉะนั้นดูอะไรก็ต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีจริงหรือเปล่า มีข้อเท็จจริงต่างๆหรือไม่ ฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย” นายเทวัญ กล่าว
ด้านนายประเสริฐ บุญชัยสุข ชาว จ.นครราชสีมา ลูกหลานย่าโมย่าบุญเหลือ กล่าวว่า การขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ได้ก้าวล่วง คุณย่าโมและคุณย่าบุญเหลือ โดยพิธีพราหมณ์มีชุดใหญ่ ชุดกลาง ซึ่งจะต้องมีเครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้บูชาชุดใหญ่ พานบายศรี 9 ชั้น หัวหมู เป็ดไก่ เครื่องความหวาน 9 อย่าง ผลไม้ หมาก พลู ยาเส้น เรียกว่าต้องจัดเต็มชุดใหญ่ และไม่ใช่ว่าเดินถือพวงมาลัย ธูปเทียน มาคล้องถวายสักการะอย่างนั้นเรียกว่าการกราบไหว้สักการะ แต่การมาขอขมาต้องจัดให้เป็นพิธีการ อยากจะฝากถึงทีมผู้ดำเนินรายการด้วยว่าท่านมีความจริงใจในการที่จะมากราบขอขมา ก็ขอให้จัดชุดใหญ่สมบูรณ์แบบตามประเพณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี