ว่าที่ ร.ต.ไพเจน มากสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้นำกระบวนการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม 14 ขั้นตอนมาใช้ลดช่องว่างในการใช้ดุลยพินิจบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ โดยนำร่องทดลองใช้ในโครงการชลประทานและโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาจำนวน 8 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยกระบวนการ 14 ขั้นตอน จะครอบคลุมการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้การส่งน้ำเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งประกอบไปด้วย

1.กำหนดพื้นที่ส่งน้ำ 2.การแจ้งความต้องการปลูกพืชของผู้ใช้น้ำ 3.การปรับแผนการส่งน้ำให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร 4.ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทานเพื่อทำความตกลงการส่งน้ำ 5.การแจ้งข้อตกลงการส่งน้ำแก่หัวหน้าองค์การผู้ใช้น้ำแต่ละระดับ 6.การบำรุงรักษาระบบชลประทาน 7.ส่งน้ำตามแผน 8.การตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มผู้ใช้น้ำ 9.การวัดปริมาณน้ำที่จัดสรร 10.การแจ้งพื้นที่ปลูกพืชและกิจกรรมของผู้ใช้น้ำ 11.การสำรวจข้อมูล ผลผลิต ราคา ปัญหา ความพึงพอใจ 12.ประมวลผลการดำเนินงาน 13.ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทานเพื่อประเมินผล และ 14.จัดทำรายงานผล

ทั้งนี้พื้นที่ส่งน้ำของ 8 หน่วยงานนำร่อง ได้แก่ โครงการชลประทานฉะเชิงเทรา โครงการชลประทานเชียงใหม่ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ยม โครงการชลประทานนครราชสีมา โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนบางปะกง โครงการชลประทานราชบุรี และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 406,147 ไร่ และ
เมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการส่งน้ำให้เกษตรกรตามกระบวนการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม 14 ขั้นตอนแล้ว จำนวน 338,550 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 83 ของพื้นที่ตามแผน

ว่าที่ร.ต.ไพเจนยังกล่าวต่อว่า กรมชลประทานจะนำข้อมูลปัญหาและแนวทางแก้ไข จากโครงการนำร่องทั้ง 8 โครงการดังกล่าว มาสรุปประเมินผล เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ ก่อนที่จะขยายผลไปยังโครงการชลประทานอื่นๆ ทั่วประเทศ