"มุนินทร์"ชี้คกก.จะช่วยอัยการ-ตำรวจ หาสิ่งผิดปกติคดี"บอส" ย้ำไม่ได้เชื่อผลการสอบสวนของใคร แต่เป็นหน้าที่คกก.ต้องหาความจริงอธิบายให้สังคมกระจ่าง
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า กรณีที่อัยการแถลง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา จะมีผลอะไรต่อการหารือของที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่นี้หรือไม่ ว่า ไม่มีผลอะไร เราก็ทำงานของเราไป ซึ่งข้อมูลที่อัยการแถลงมานั้นเราจะนำมาเป็นข้อมูลในการพิจารณาส่วนหนึ่งด้วยอยู่แล้ว บางประเด็นที่อัยการไม่พบสิ่งผิดปกติ ก็จะเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยในส่วนนั้นด้วย เพื่อช่วยอัยการหาว่าขบวนการทำงานไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตำรวจหรืออัยการมีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการแถลงของอัยการ เหมือนโยน ความบกพร่องให้ตำรวจ ว่าทำสำนวนมาไม่ดี ไม่รอบคอบ นายมุนินทร์ กล่าวว่า เป็นปกติ เพราะสองหน่วยงานนี้ เป็นหน่วยงานหลักในการทำคดี ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ต้องเข้าไปตรวจสอบ การทำงานของทั้งตำรวจ และอัยการว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงประเด็นการทำงานของอัยการบ้างหรือไม่ นายมุนินทร์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย เราก็รับฟังแค่ส่วนหนึ่ง
"เราไม่ได้เชื่อผลการสอบสวนของใคร เพราะเรามีหน้าที่ต้องสอบหาความจริง ดังนั้น จึงต้องดูทุกสำนวน หลักฐานทั้งหมด และใช้ดุลพินิจของเราว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ขั้นตอนตามกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร โปร่งใสหรือสุจริตหรือไม่"
เมื่อถามว่า จะต้องเชิญใครมาชี้แจงบ้าง นายมุนินทร์ กล่าวว่า โดยหลักก็ต้องเชิญทุกคน ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงอยู่แล้ว
เมื่อถามถึง ความคิดเห็นส่วนตัวมองการแถลงข่าวของอัยการอย่างไรบ้าง นายมุนินทร์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนคิดว่า ข่าวดีของคดีนี้คืออย่างน้อยที่สุดก็มีทางออก ทั้งเรื่องพยานหลักฐานใหม่ เรื่องการพบสารเสพติด ซึ่งอาจจะเป็นคดีแยกออกมาต่างหาก อีกอย่างหนึ่งคือสื่อ และนักกฎหมาย ได้สะท้อนเรื่องการทำงานของอัยการ ที่ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ในส่วนนี้อาจจะเป็นเพราะเวลาทำงาน มีเวลาทำงานน้อย คิดในแง่ดีคณะกรรมการชุดนี้ ก็อาจจะช่วยอัยการในการเข้าไปดูว่ามีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าคนที่เกี่ยวข้องก็เป็นอัยการ เป็นอัยการสูงสุด และคนที่เข้าไปตรวจสอบก็เป็นอธิบดีอัยการ ซึ่งเป็นอัยการชั้นอาวุโส ที่น้อยลงมา แต่ตนเชื่อว่าท่านจะทำงานเป็นอิสระ แต่อย่างที่บอกคืออาจจะมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา และข้อมูล ดังนั้น คณะกรรมการชุดนี้อาจช่วยให้การทำงานได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสำนวนของตำรวจที่ส่งให้อัยการอ่อนไป อัยการมีอำนาจเรียกสอบเพิ่มได้หรือไม่ นายมุนินทร์ กล่าวว่า ใช่ อัยการมีอำนาจในการสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อถามย้ำว่า ในกรณีนี้ทำไมอัยการจึงไม่เรียกเพิ่ม นายมุนินทร์ กล่าวว่า ก็ต้องว่าในส่วนนี้ ทางคณะกรรมการก็ต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งเรื่องอัยการ และสำนวนของตำรวจ ก็ต้องดูให้หมด ส่วนข้อพิรุธที่สังคมยังคลางแคลงใจเราจะต้องนำไปดูให้หมดและอธิบายให้สังคมได้รู้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี