สพฐ.ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังช่วยเหลือโรงเรียนและนักเรียนที่ประสบภัย หลังถูกพายุ"ซินลากู"ถล่มหลายจังหวัด
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงโรงเรียนสื่อสาร 2 ทางที่มีการถอดบทเรียนโดยให้สำนักวิชาการเป็นเจ้าภาพเพื่อลงไปดูในพื้นที่ว่าจากที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) วางนโยบายเรื่องการศึกษายกกำลังสองไปแล้วนั้น มีเรื่องใดที่เกี่ยวกับ สพฐ.บ้าง และสพฐ.ทำเรื่องใดที่เกี่ยวข้องอยู่ เช่น เรื่องหลักสูตร การผลิตครูที่ สพฐ.ได้ประสานกับทางคณะทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อกำหนดแนวทางและแผนพัฒนาครูทั้งระบบว่าจะมีขบวนการอย่างไร และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ สพฐ.จะขับเคลื่อนการพัฒนาโรงเรียนประจำตำบลให้มีคุณภาพตามที่สพฐ.ต้องการพัฒนาให้เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพประจำตำบลเช่นเดียวกับโรงเรียนประจำอำเภอ และโรงเรียนประจำจังหวัด รวมถึงโรงเรียนขนาดเล็ก ที่สพฐ.มีโรงเรียนเป้าหมายอยู่ประมาณ 1 พันโรง ที่จะขับเคลื่อนเหมือนโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ให้มีคุณภาพมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี มีระบบเทคโนโลยีที่รองรับได้ มีครูต่างชาติ และมีโครงการทางวิชาการ เช่น โค้ดดิ้ง และกิจกรรมต่าง ๆที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ทุกสำนักที่เกี่ยวข้องไปเวิร์คช็อปเพื่อดูว่ามีเรื่องใดบ้างเพื่อให้สามารถดำเนินงานตามนโยบายที่ รมว.ศธ.วางไว้ โดยในปีงบประมาณ 2564 นี้ สพฐ.ก็จะผลักดันงานเหล่านี้ออกไปให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์ เพราะปีที่ผ่านมาเราติดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และข้อจำกัดหลายๆอย่าง
นายอำนาจ กล่าวต่อว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายให้โรงเรียนทุกแห่งลดการบ้าน และใช้การเรียนแบบออนไลน์ และออนแอร์ เป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนพัฒนาการเรียนการสอนของเด็ก เพราะเด็กเรียนรู้จากเทคโนโลยีได้ ไม่จำเป็นต้องทำการบ้าน สพฐ.จึงได้มอบให้นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ.กับสำนักวิชาการ ไปหารือเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ไปสู้การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ซึ่งวันนี้ก็จะมีการประชุมกันครั้งแรก
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวด้วยว่า ส่วนการวัดและประเมินผลเด็กโดยใช้การสอบนั้น ก็ให้ลดการสอบ หรือให้ใช้การวัดจากกิจกรรม ประเมินจากการปฏิบัติงาน หรือประเมินจากการที่ครูมอบหมายงานให้เด็กไปทำ เช่น มอบให้เด็กอ่านหนังสือ ให้เขียนเรียงความ เขียนบทความ หรืออื่นๆ มาประเมินแทนการสอบ โดยคุณครูต้องคิดกิจกรรมเหล่านี้ออกมาเพื่อส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้และเป็นการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่ง สพฐ.จะให้ฝ่ายวิชาการจัดรายละเอียดและจะสื่อสารให้โรงเรียนต่าง ๆรับทราบได้ภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่ได้รับผิดกระทบจากพายุโซนร้อน "ซินลากู" จึงทำให้หลายพื้นที่จะได้รับผลกระทบจากวาตภัย และอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง สพฐ.มีโรงเรียนอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่บนดอย บนป่าเขาและใกล้แหล่งน้ำหลาก เกิดดินสไลด์ ดังนั้น สพฐ.จึงได้ตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังช่วยเหลือโรงเรียนและนักเรียนที่ประสบภัย" ขึ้นเพื่อรับรายงานจากเขตพื้นที่การศึกษา และจากโรงเรียนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ และระดมความช่วยเหลือ เพื่อให้โรงเรียนอุ่นใจหากเผชิญเหตุการณ์เหล่านี้
นายอำนาจ กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.ได้รับรายงานข้อมูลระหว่างวันที่ 2 - 5 ส.ค.2563 พบว่ามีโรงเรียนและนักเรียนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย แล้ว 14 เขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 77 โรงเรียน มีนักเรียนได้รับผลกระทบทั้งหมด 2,059 คน ปิดการเรียนแล้ว 7 โรงเรียน สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบขั้นวิกฤติหนักในช่วงนี้มี 3 จังหวัด คือ จ.เลย จ.เชียงราย และ จ.สุรินทร์ ซึ่งทางเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละแห่งก็ได้ลงไปดูแลช่วยเหลือเด็ก ทั้งในเรื่องเสื้อผ้า อาหารแห้งและมอบเงินช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
ทั้งนี้ มีครูเสียชีวิตจากพายุ ซินลากู 1 ราย คือ นายธนชาต เทียนวัฒนากุล ครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 29 สพป.ภูเก็ต ซึ่งเสียชีวิตจากการเกิดวาตภัย ทำให้ต้นไม้ล้มทับบ้านพักครู ที่ นายธนชาต เทียนวัฒนากุล พักอาศัยอยู่ในบ้านพัก ทำให้เสียชีวิต เบื้องต้น สพฐ.ได้มอบเงินจากบัญชี "รวมน้ำใจสู่อุทกภัยโรงเรียน" จำนวน 10,000 บาท ช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี