ทำไมต้องทำ! ตร.เร่งคลี่ปมคนทุบมือถือ‘จารุชาติ’ อ้างหวั่นกระทบลงเลือกตั้ง
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าคดีอุบัติเหตุการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานปากสำคัญในคดี “บอส อยู่วิทยา” ว่า คดีนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากประชาชน ซึ่งในส่วนของตำรวจภูธรภาค 5 ได้แบ่งการสืบสวนออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สำนวนการชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการเสียชีวิต , อุบัติเหตุจราจร และสำนวนการสืบสวนเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ในส่วนของการชันสูตรพลิกศพนั้น แพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตเป็นที่แน่ชัดแล้ว เหลือเพียงรอผลการตรวจสารปนเปื้อนในร่างกายของผู้ตาย ขณะที่ในส่วนของ สำนวนอุบัติเหตุจราจรนั้น ได้มีการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทุกปาก ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งเกิดเหตุ รวมทั้งเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง โดยทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ทำการเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้ว เพื่อทำการตรวจพิสูจน์ ร่องรอยการเฉี่ยวชน และคำนวณความเร็ว ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรอผล
สำหรับการสอบสวนเกี่ยวกับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเหตุในครั้งนี้ เบื้องต้นเป็นที่ชัดเจนว่า นายจารุชาติ และนายสมชาย ตาวิโน คู่กรณี ไม่เคยรู้จักหรือมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันในทุกมิติมาก่อนที่จะเกิดเหตุในครั้งนี้ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเชิญตัว คนรู้จักรอบข้างและเชื่อมโยงเกี่ยวข้องทั้งหมดกับคนตายมาทำการสอบปากคำ ทั้งในส่วนของครอบครัวและที่ทำงาน เพื่อไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้มีการเชิญตัวนายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง มาสอบถาม ข้อมูลต่างๆ ซึ่งให้การว่ายอมรับว่ารู้จักกับผู้ตายในฐานะนายจ้าง และรู้จักกับคนตระกูลอยู่วิทยา โดยข้อมูลต่างๆจากการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะทำการรวบรวมไว้ในสำนวนอย่างละเอียด” ผบช.ภ.5 กล่าว
ผบช.ภ.5 กล่าวด้วยว่า ส่วนโทรศัพท์มือถือของนายจารุชาตินั้น ตรวจสอบทราบตัวผู้ที่รับโทรศัพท์ไปจากญาติว่าคือคนรู้จักของนายจารุชาติ และเป็นหนึ่งในลูกน้องของ สว.ก๊อง เหมือนกัน โดยให้การยอมรับว่าเอาไป เพราะก่อนหน้านี้รู้จักและสนิทกับผู้ตาย รวมทั้งมีรูปถ่ายร่วมกันอยู่ในโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย แต่เนื่องจากตัวเองเตรียมจะลงสมัคร เลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ ทำให้เกรงว่าหากรูป ดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไป จะส่งผลกระทบต่อการหาเสียงในการลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงเอาโทรศัพท์จากญาติไปลบภาพทิ้ง และทำลายพร้อมกับทิ้งขยะไป เนื่องจากกลัวหลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับชายลึกลับเอาของจากญาติไป
“เจ้าหน้าที่ต้องทำการสืบสวนอย่างละเอียดต่อไป เพราะตั้งข้อสงสัยเช่นกันว่าเหตุใดจึงต้องมีการทำเช่นนั้น ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวกลับคืนมา แต่สามารถตรวจสอบข้อมูลการโทร.เข้าออกย้อนหลังได้ ส่วนญาติของนายจารุชาติ ได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์แล้วกับผู้ที่เอามือถือไปทำลาย” พล.ต.ท.ประจวบ กล่าว
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้มีการตรวจสอบบัญชีธนาคารและเส้นทางการเงินของนายจารุชาติ ย้อนหลังแล้ว พบว่า มีเงินอยู่ในบัญชีไม่มาก และไม่พบการเข้าออกของเงินอย่างผิดปกติ โดยพบเงินเข้าหลักพัน และมากสุดหมื่นต้นๆ ขณะที่ในส่วนทรัพย์สินของครอบครัวและญาติของนายจารุชาตินั้น จากการตรวจสอบและสังเกตเบื้องต้นไม่พบว่ามีทรัพย์สินเงินทองผิดปกติจะชาวบ้านทั่วไปแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี