ต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นต้นอะไร ขึ้นอยู่ ณ ที่ใด จัดว่าเป็นสิ่งมีค่าทั้งนั้น เพราะอย่างน้อยแม้ว่าผู้ปลูกจะไม่ได้ผลผลิต ก็ยังได้ร่มเงา สร้างความร่มเย็นและชุ่มชื้นให้กับพื้นดิน รวมทั้งเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินได้อีกด้วย หรือสุดท้ายหากถูกโค่นลงก็ยังสามารถเกิดประโยชน์ตั้งแต่การเป็นเชื้อเพลิง ทำเครื่องใช้ไม้สอย เฟอร์นิเจอร์ สร้างเป็นที่พักอาศัย หรือใช้ประกอบในการตกแต่งอาคารบ้านเรือนให้สวยงาม แม้แต่อาคารรัฐสภาหลังใหม่ก็มีการนำไม้มีค่ามาตกแต่งให้สวยงามตามแนวคิดของผู้ออกแบบ ในบางครั้งการปลูกต้นไม้ ผู้ปลูกเองอาจไม่ได้มองไปไกลนัก ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับผลผลิตที่จะได้มากกว่า เราจึงเห็นการแบ่งต้นไม้ออกเป็นไม้เศรษฐกิจที่เน้นเรื่องผลผลิต ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการกล่าวถึงไม้มีค่ากันมากขึ้นตามไปด้วย
นับตั้งแต่รัฐบาลให้ความสำคัญและให้คุณค่ากับการนำไม้มีค่าเหล่านั้นมาค้ำประกันเงินกู้ได้ จึงเป็นการสร้างกระแสให้เกิดการรับรู้ถึงมูลค่าของไม้มีค่าโดยมีการวัดเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจน เทียบได้กับการตีค่าทองคำเป็นตัวเงิน แต่เป็นการตีค่าต้นไม้เป็นตัวเงิน ซึ่งหากจะคิดไปก็นับว่าต้นไม้มีค่าเหล่านี้คือทองคำในอนาคตนั่นเอง หลายหน่วยงานจึงมีความพยายามที่จะรณรงค์ให้มีการปลูกและขยายพันธุ์ไม้มีค่าเหล่านี้ไปในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในพื้นที่ทำการเกษตรเดิม หัวไร่ปลายนา พื้นที่รกร้างว่างเปล่าพื้นที่สาธารณประโยชน์ โดยในพื้นที่สาธารณะอาจไม่สามารถนำมาค้ำประกันเงินกู้ได้ แต่ก็สร้างประโยชน์ในกับส่วนรวม ทั้งการสร้างความร่มรื่นรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้เกิดขึ้น
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผมมีโอกาสใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมช่วงอำเภอเขาย้อยยาว ไปถึงอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี พอผ่านเส้นทางนี้ครั้งใดจะทราบได้ทันทีว่าเข้าสู่เขตจังหวัดเพชรบุรีแล้ว เนื่องจากมีการปลูกต้นสักไว้เป็นแนวตรงกลางของถนนฝั่งซ้ายและขวา ในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่ต้นสักเหล่านี้แตกใบใหม่จึงเห็นเป็นแนวสีเขียวตลอดเส้นทาง มีความร่มรื่น สบายตาเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งที่สวยงาม ทำให้ผมรำลึกถึงผู้ที่ดำริให้มีการปลูกต้นสักตลอดแนวถนนดังกล่าว คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีท่านหนึ่ง ผมจำชื่อท่านได้ไม่แน่ชัด โดยท่านเป็นผู้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการเนื่องจากไม้สักเป็นไม้มีค่าและเป็นสัญลักษณ์ของไทยทั้งในการสร้างบ้านหรือการนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ในอดีตประเทศไทยก็เป็นประเทศผู้ส่งออกไม้สัก นำเงินตราเข้ามาสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นอดีตที่นานมามากแล้วก็ตาม การดูแลต้นสักให้สามารถเจริญเติบโต โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้และเข้าใจต้นไม้อย่างแท้จริงที่เรียกกันว่า รุกขกร จึงจะทำให้ต้นสักยังเจริญเติบโตสูงใหญ่เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นมรดกสำคัญให้กับคนรุ่นต่อไปได้
ในขณะที่หลายๆ เส้นทางไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสายบ้านบึง-แกลง หรือ แม้แต่เส้นรอบเมืองชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี และอีกหลายๆ เส้นทาง ต้นไม้ใหญ่ที่มีค่าไม่ว่าจะเป็นมะฮอกกานี อินทนิล สะเดาช้าง หรือไม้อื่นๆ ที่ปลูกไว้แนวข้างทางหรือตรงกลางของถนนถูกตัดแบบที่เรียกว่า ไม่แน่จริงไม่รอด เพราะวิธีการตัดคือ ตัดครึ่งต้นตามระดับความสูงที่ต้องการ จึงพบต้นไม้ยืนต้นตายอยู่เป็นจำนวนมาก จะอ้างว่าเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรืออย่างไรก็สุดจะเดา หากจะตัดต้นไม้แบบนั้นก็อย่าปลูกเลยจะดีกว่าไหม ผมรู้สึกสะท้อนใจทุกครั้งที่ผ่านเส้นทางที่มีการตัดต้นไม้ลักษณะดังกล่าว จะดีกว่าหรือไม่ถ้าผู้ที่รับผิดชอบจะปรึกษาหารือกับผู้รู้ว่าควรตัดต้นไม้อย่างไร ควรเลือกต้นไม้ประเภทไหนจึงจะเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ อย่าสักแต่ว่าทำให้เสร็จๆไป ผลสำเร็จจะเป็นอย่างไร ไม่เคยใส่ใจจะสร้างไม้มีค่าเป็นมรดกให้ลูกหลาน หรือจะปล่อยให้สีเขียวหายไปจากท้องถนน ต้องทบทวนกันให้ดีๆ
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี