'สาคร' แนะ รมต.กระทรวงทรัพย์ฯ หามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในอุทยานแห่งชาติที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมเสนอให้พิจารณาลดค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานฯหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว

26 สิงหาคม 2563 นายสาคร เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเข้าชมอุทยานแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติทางทะเล ว่า จังหวัดกระบี่มีอุทยานแห่งชาติทางทะเลอยู่หลายแห่งและหนึ่งในนั้นเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่เรียกเก็บค่าเข้าชมได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 คืออุทยานแห่งชาติทางทะเลหาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพี ต่อมาเมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาด covid 19 ขึ้น ทำให้ต้องปิดประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่เข้าประชุมอุทยานแห่งชาติต่างๆ ลดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้การฟื้นตัวของธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นหาดทรายปะการังหรือทุกอย่างในอุทยานแห่งชาติทางทะเลดีขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่เดือน จากวิกฤติครั้งนี้อยากให้รัฐมนตรีฯ ได้สั่งการไปทางกรมอุทยานให้ใช้วิกฤตนี้เพื่อจัดการเกี่ยวกับอุทยานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุทยานทางบกอุทยานทางทะเลหรืออุทยานต่างๆ ด้วย 

ส่วนเรื่องที่นายสาครสอบถามคือเรื่องการจัดการอุทยานในช่วงวิกฤตนี้ว่า ผู้ประกอบอาชีพเรือนำเที่ยวสำหรับเข้าชมอุทยานนั้น รัฐไม่ได้มีมาตรการดูแลช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในช่วงสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาดแต่กลับถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆตามปกติ โดยรัฐไม่มีมาตรการต่างๆมาเยียวยา ซึ่งจากการที่ตนได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ว่าได้รับผลกระทบเดือดร้อนมาก จึงอยากขอให้รัฐมนตรีเข้าไปช่วยดูแลและสั่งการให้กรมอุทยานเข้าดูแลช่วยเหลือ เนื่องจากคนเหล่านี้เดือดร้อนมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว พวกเขาต้องการมาตรการช่วยเหลือจากกรมอุทยานเช่นกัน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าอุทยาน ก็ต้องจ่ายค่าเข้าชมเท่าเดิมไม่มีการลดราคาค่าธรรมเนียมใดๆ ตนจึงอยากเสนอให้มีการลดค่าธรรมเนียมการเข้าชมแก่นักท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับเข้ามาคึกคักเหมือนเดิม 

นายสาคร กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติทางทะเลของจังหวัดกระบี่ มีหลายอุทยานที่มีพื้นที่ติดต่อคาบเกี่ยวกันการเข้าอุทยานหนึ่งก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 1 ครั้งและเมื่อคาบเกี่ยวไปอีกอุทยานหนึ่งก็ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอีก และหลังจากได้รับคำร้องเรียนและได้มีการพูดคุยกับผู้ที่เข้าใช้บริการอุทยานต่างๆเหล่านี้ จึงมีคำถามไปยังรัฐมนตรีว่า ในเรื่องนี้มีแนวทางหรือมาตรการที่จะลดค่าธรรมเนียมให้กับผู้ที่ประกอบการหรือผู้ที่มีส่วนร่วมกับอุทยานเหล่านี้หรือไม่

นอกจากนี้ นายสาครยังกล่าวอีกว่า แม้จะมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ จากวิกฤตโควิด-19 เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาท่องเที่ยวและติดอยู่ในประเทศไทยยังไม่ได้เดินทางกลับประเทศ และยังคงเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆเหล่านี้และยังคงต้องเสียค่าธรรมเนียมในราคา 400-500 บาทอยู่ จึงได้สอบถามว่ากรณีนี้จะมีมาตรการหรือแนวทางที่จะทบทวน ที่จะลดค่าธรรมเนียมหรือไม่อย่างไร 

สำหรับเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมอุทยานที่มีการเรียกเก็บแบบไล่ฉีกตั๋ว นายสาครกล่าวว่า เรื่องนี้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่มีระบบที่ทันสมัยเข้ามาช่วย ที่ผ่านมามีข้อครหาว่ามีการทุจริตบ้างเช่นอุทยานหาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพี ซึ่งบางปีเก็บค่าธรรมเนียมได้กว่า 10 ล้านบาทแต่บางปีจัดเก็บได้หลายร้อยล้านบาท จึงมีคำถามว่าเหตุใดในแต่ละปีค่าธรรมเนียมจึงถึงแตกต่างกัน รัฐมนตรีจะมีมาตรการในการดูแล เรื่องความโปร่งใสในการจัดเก็บหรือไม่เพราะในการจัดเก็บรายได้เหล่านี้จะต้องมีการคืนสู่ท้องถิ่นด้วย แต่กลับคืนให้ท้องถิ่นเพียง 5% และรายได้จากการจัดเก็บเหล่านั้นไปอยู่ที่ใด และได้ทำประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งในเรื่องนี้ประชาชนในพื้นที่ต้องการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ หรือควรจะมีค่าธรรมเนียมที่ส่งกลับคืนในพื้นที่มากกว่าในปัจจุบัน 

ส่วนแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติและอุทยานทางทะเลสามารถที่จะมีการจัดเก็บที่พัฒนามองเห็นแล้วสบายใจกับเจ้าของทรัพยากรเหล่านั้นหรือไม่ท่านได้มีแนวทางอย่างไรบ้างหรือไม่ เพื่อความโปร่งใสเหมาะสมและการมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะร่วมตรวจสอบ เพื่อให้รายได้กลับคืนไปยังท้องถิ่นต่างๆมากกว่าที่เป็นอยู่