ไม่ใช่เรื่องขำๆ! รวบ 2 ชาวต่างชาติจับสัตว์ทะเลเซลฟีเล่น ตม.เล็งเพิกถอนอนุญาตอยู่ในไทย
2 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม ของชาวต่างชาติ 2 คน ลงไปดำน้ำในทะเลเขตเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และไปจับสัตว์ทะเลใต้น้ำหลากหลายชนิดมาถ่ายวีดีโอ ซึ่งเป็นการรบกวน ตลอดจนเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล ก่อนนำมาโพสต์ลงในโลกโซเชียลนั้น
ต่อมาวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา นายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกับ พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน และนายจักรพงษ์ อดทน ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.สุราษฎร์ธานี ได้ติดตามจนพบชายชาวต่างชาติทั้ง 2 คน ทราบชื่อ คือ นายแอทติล่า สัญชาติฮังการี อายุ 44 ปี อาชีพครูสอนดำน้ำอยู่บนเกาะพะงัน และนายฟรานซิโก้ ซิมโมเน็ตตี้ อายุ 29 ปี สัญชาติอิตาลี อาชีพทำธุรกิจร้านอาหารอยู่บนเกาะพะงัน จึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน
จากการสอบปากคำทราบว่าเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้ไปดำน้ำที่หาดสลัด หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะพะงัน เพื่อไปชมความสวยงามของใต้ท้องทะเล และบันทึกภาพไว้ โดยนายแอทติล่า ได้นำคลิปวีดีโอไปอัพโหลดลงในเว็บไซต์ยูทูป เพื่อต้องการจะโชว์ให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เห็นถึงความสวยงามภายในท้องทะเลของเกาะพะงัน และที่ตนเองได้ใช้มือจับสัตว์ทะเล เพื่อต้องการให้สามารถเห็นสัตว์ทะเลดังกล่าวได้อย่างชัดเจน และที่ตนได้ใช้ไม้แหย่ไปยังสัตว์ทะเลเพราะต้องการจะให้สัตว์ตื่นตัว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ให้ดำเนินคดีกับทั้ง 2 คนในข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำความผิดความผิดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ.2557 ว่ากระทำหรือประกอบกิจการใด ๆ ในแนวปะการังที่อาจเป็นอันตรายหรือมีผลกระทบต่อเต่าทะเล ปลาสวยงาม หรือทำให้หอยมือเสือ กัลปังหา ปะการัง ซากปะการังหรือหินปะการังถูกทำลายหรือเสียหาย มีความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 45 มีโทษตามมาตรา 100 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. ปฏิบัติหน้าที่แทนโฆษก สตม. เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ทาง พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ จึงได้นำกำลังชุดสืบสวนปราบปรามเข้าตรวจสอบ พร้อมตรวจข้อมูลความผิดที่อาจมีและเกี่ยวข้องตามกฎหมายคนเข้าเมือง ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าการเข้าออกไทย การแจ้งที่พักอาศัย ฯลฯ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ที่ให้เข้มงวดกวดขันการกระทำความผิดของคนต่างชาติที่กระทำความผิดในประเทศไทยในพื้นที่รับผิดชอบ สำหรับกรณีดังกล่าวหากมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม อาจถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายไทย หรืออาจใช้กฎหมายพิเศษตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพิกถอนการเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรและส่งกลับประเทศบ้านเกิด รวมถึงอาจจะห้ามเข้าประเทศไทยในอนาคตได้
ทั้งนี้ งานสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบทราบว่า ชาวต่างชาติทั้ง 2 ราย คือ 1.นายฟรานซิโก้ ซิมโมเน็ตตี้ สัญชาติอิตาลี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่าน ตม.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ได้รับอนุญาตประเภทคนอยู่ชั่วคราว 90 วัน (NON-B) ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 (ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรตามประกาศ มท.ถึงวันที่ 26 กันยายน 2563) ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพเคลื่อนไหว
2.นายแอทติล่า สัญชาติฮังการี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางจุดตรวจสะพานปลา (ปากน้ำ) จ.ระนอง เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2563 ได้รับอนุญาตประเภทคนอยู่ชั่วคราว 90 วัน (NON-B) ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 3 เมษายน 2563 (ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรตามประกาศ มท.ถึงวันที่ 26 กันยายน 2563) ซึ่งเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่บันทึกภาพเคลื่อนไหว
สำหรับการดำเนินการในส่วน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบการแจ้งที่พักอาศัยของนายฟรานซิโก้ พบว่าเป็นเจ้าของบ้านเอง แต่มีการเปลี่ยนที่พักอาศัยโดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานภายใน 24 ชม. ตาม ม.37 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 4,000 บาท ส่วนนายแอทติล่า ในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งที่พักอาศัย ตาม ม.38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงได้เปรียบเทียบปรับเจ้าของบ้านชาวไทยเป็นเงิน 1,600 บาท
ทั้งนี้ ขณะนี้ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี กำลังรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินการเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาว่าจะเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และบันทึกชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามฯตามระเบียบและกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการกระทำความผิดอย่างนี้อีกต่อไปในอนาคต
ด้าน พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นการกระทำความผิดของชาวต่างชาติด้วยพฤติกรรมส่วนบุคคลเท่านั้น และเป็นส่วนน้อย ไม่เกี่ยวว่าเป็นคนสัญชาติใด เพราะใครผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย อยู่ในผืนแผ่นดินไทย ก็ต้องเคารพและให้เกียรติคนไทยและกฎหมายไทย ผู้กระทำความผิดอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไปรบกวนกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ในระบบนิเวศน์ของสัตว์ทะเลเป็นอย่างมาก และกระทบกระเทือนต่อจิตใจของคนไทยที่เป็นเจ้าบ้านเจ้าของพื้นที่ทะเลไทย
“ไม่ใช่เรื่องเล่นๆขำๆแต่อย่างใด โดยหากพบชาวต่างชาติกระทำความผิดหรือกระทำไม่เหมาะสมสุ่มเสี่ยงให้เสียหายต่อประเทศไทย ไม่ว่าเรื่องใด สามารถแจ้งเบาะแสแจ้งข่าวได้ที่ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีทุกที่ทุกจุดที่มีที่ทำการ หรือแจ้งหมายเลขสายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178 ได้ทันที” พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี