เร่งสอบแม่-ลูกเมียนมา
ติดโควิดในไทย
พบต้นทางไปจากอยุธยา
สธ.ยันคุมเข้มพรมแดน
ศบค.ชี้สัญญาณน่าห่วง
ติดเชื้อใหม่โผล่10ราย
กลับจาก5ประเทศเสี่ยง
ไทยพบติดเชื้อโควิดเพิ่มพรวด 10 ราย มาจากประเทศเสี่ยง“เยเมน-อินเดีย-อินโดฯ-เมียนมา-เอธิโอเปีย”สธ.สั่งตรวจสอบประวัติ’แม่-ลูก’ชาวเมียนมาติดเชื้อโควิด หลังไปจากอยุธยากลับเมียนมา ทำให้ นายอำเภอเมียวดีประกาศเคอร์ฟิว พร้อมกักตัวพี่สาว-แม่เพื่อดูอาการ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยันมาตรการตรวจคัดกรองตามแนวชายแดนเข้มงวด ใช้รถชีวนิรภัยตรวจหาเชื้อใน อ.แม่สอดกว่า2.6พันคน ไม่พบติดเชื้อ ด้านด่านเชียงรายออกมาตรการสกัดไวรัสข้ามพรมแดน ทั้งคุมเข้มคนขับรถขนสินค้า จำกัดเวลาเข้าออก
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)หรือโควิด – 19 เปิดเผยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 10 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,490 ราย มีผู้รักษาหายป่วยกลับบ้านได้อีก 1 ราย มียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,316 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมยังมี 58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 116 ราย
ติดโควิดพุ่ง2หลักวันเดียว10ราย
โดยผู้ป่วยใหม่ 10 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่เดินทางมาจากเยเมน 4 ราย ประกอบด้วย นักศึกษาชายไทย 3 ราย อายุ 24, 25 และ 31 ปี และนักศึกษาหญิงไทย อายุ 26 ปี มาถึงไทยเมื่อวันที่ 11 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันของรัฐในกทม. และตรวจหาเชื้อวันที่ 14 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ 2.ผู้เดินทางจากอินเดีย 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 1 และ 27 ปี เป็นมารดากับบุตร เดินทางมาถึงไทยวันที่ 31 สิงหาคม เป็นเที่ยวบินกลับที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 1 ราย เข้าพักในสถานกักกันของรัฐในจ.ชลบุรี จากการเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 14 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
3.ผู้ที่มาจากอินโดนีเซีย 2 ราย ทั้งหมดเป็นชายไทย อายุ 37 และ 47 ปี มาถึงไทยวันที่ 3 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันของรัฐที่กรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อวันที่ 14 กันยนยน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ 4.ผู้ที่เดินทางจากเมียนมา 1 ราย เป็นหญิงสัญชาติเมียนมา อายุ 42 ปีอาชีพพนักงานบริษัท มาถึงไทยวันที่ 9 กันยายน เข้าพักสถานกักกันแบบทางเลือกที่รัฐกำหนดในกรุงเทพฯ และจากการตรวจหาเชื้อวันที่ 13 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
5.ผู้เดินทางจากเอธิโอเปีย 1 ราย เป็นหญิงสัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 19 ปี อาชีพลูกเรือสายการบินแห่งหนึ่งของเอธิโอเปีย มาถึงไทยวันที่ 11 กันยายน เข้าพักสถานกักกันแบบทางเลือกที่รัฐกำหนดในจ.สมุทรปราการ และจากการตรวจหาเชื้อวันที่ 14 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุจำนวนชาวเมียนมาในประเทศไทยที่เดินทางกลับเมียนมาตั้งแต่ปิดด่านเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม-13 กันยายน รวม 59,332 คน จำแนกรายด่าน ดังนี้ ด่านแม่สอด 2 (จ.ตาก) 57,426 คน ด่านแม่สาย 2 (จ.เชียงราย) 1,116 คน ด่านระนอง (จ.ระนอง) 790 คน รวมผู้ขอกลับเข้ามาอีก 13,612 คน
เช็คประวัติแม่-ลูกเมียนมาติดโควิด
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)แถลงถึงกรณี ได้รับรายงานว่า เด็กอายุ 2 ขวบ ชาวเมียนมาเดินทางออกจากประเทศไทยพร้อมมารดาวันที่ 4 กันยายน และต่อมามีรายงานข่าวตรวจพบการติดเชื้อของเด็กคนดังกล่าววันที่ 13 กันยายน จนเป็นเหตุให้นายอำเภอเมียวดีประกาศเคอร์ฟิวในวันที่ 14 กันยายนว่า กรมควบคุมโรคสั่งให้ตรวจสอบข้อมูลทั้งจากช่องทางการประสานข้อมูลผ่านกลไกกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation) ช่องทางการทูต ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และข้อมูลจากช่องทางเข้าออกระหว่างพรมแดนระหว่างประเทศ
คาดใช้ช่องทางธรรมชาติเข้าออก
นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบผู้เดินทางผ่านช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศอ.แม่สอด-เมียวดี ไม่พบมีรายงานผ่านเข้าออกประเทศไทยของเด็กชาวเมียนมา และมารดาดังกล่าววันที่ 4 กันยายน ซึ่งสันนิษฐานอาจเป็นการเดินทางออกไปโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ หรือช่องทางอื่นที่ไม่สามารถตรวจสอบ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 50 ช่องทาง และยากควบคุมการเข้าออก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สธ.โดยกรมควบคุมโรค นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทาน ออกค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ที่อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน ตรวจทั้งคนไทยและต่างด้าว 2,635 ราย จำแนกเป็น รร.อิสลามศึกษา 1,041 คน เป็นต่างด้าว(มุสลิม) 660 คน คนไทย 381 คน, รร.วังตะเคียน 713 คน เป็นชาวเมียนมา 284 คน คนไทย 429 คน, อบต.แม่กาษา 558 คน เป็นชาวเมียนมา 47 คน คนไทย 511 คน และเรือนจำแม่สอด 323 คน เป็นต่างชาติ 137 คน คนไทย 186 คน ผลไม่พบการติดเชื้อแม้แต่รายเดียว
จับตาระบาดในเมียนมา-กักตัวพี่เด็ก
“กรมควบคุมโรค ยืนยันว่าไทยมีมาตรการเฝ้าระวัง ทั้งคัดกรองผู้ที่มีอาการทางเดินหายใจ เฝ้าระวังในกลุ่มประชากรเสี่ยง รวมถึงสอบสวนติดตามผู้สัมผัสให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังต้องค้นหาข้อมูล โดยประสานงานทั้งในและระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อมูลแหล่งที่อยู่อาศัยของเด็กและครอบครัว เพื่อค้นหาผู้สัมผัส ตรวจหาผู้ติดเชื้อ และดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ของประเทศเมียนมาใกล้ชิดต่อเนื่อง”นพ.สุวรรณชัยกล่าว และย้ำว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจมาตรการป้องกันควบคุมโควิด 19 ที่เข้มงวดของไทย รวมถึงการป้องกันและจำกัดการแพร่ระบาดของโรค แม้จะระบาดต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายอำเภอเมียวดี ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินหรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน หลังได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขและกีฬา จ.มะละแหม่งว่าศูนย์ควบคุมโรคพบผู้ติดเชื้อ 1 ราย เป็นเด็กอายุ 2 ขวบ เดินทางเข้ามาจากไทย
ขณะที่อูเต่ ส่า อ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดีแถลงว่า การพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 วัย 2 ขวบ ที่เดินทางพร้อมมารดา ต้นทางจากจ.พระนครศรีอยุธยา เข้าเมียนมาใช้ช่องทางสะพานแห่งที่สอง เมื่อวันที่ 4 กันยายน และทางการเมียวดีกักตัวไว้ที่จ.เมียวดี และเมื่อวันที่ 13 กันยายนได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด ซึ่ง 2 แม่ลูก ได้ถูกส่งตัวไปยังจ.ผาอ่าง และกักตัวพี่สาวของเด็ก พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในวันดังกล่าว ไว้รอดูอาการ
คนไทยยกการ์ดสูง90%หลังป่วยในปท.
ด้านพญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัยกล่าวถึงผลสำรวจห้างร้านค้าที่ได้รับการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระยะแรกว่า ยังคงให้เคร่งครัดมาตรการป้องกันสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อไป ทั้งล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกออล์ฮอล์ พนักงานสวมหน้ากาก ซึ่งต้องขอชื่นชม ให้เว้นระยะห่างกัน ทำความสะอาดพื้นผิวที่เป็นจุดสัมผัสร่วม เช่น ลิฟต์ บันไดเลื่อน ทุก 1-2 ชั่วโมง ลดแออัด คัดกรองและแอพติดตาม ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศทุกๆ 6 เดือน ศูนย์อาหาร /ร้านอาหาร เน้นลดการสัมผัสร่วม จัดเครื่องปรุง จาน ช้อนแยกเป็นชุดๆ ดูแลพนักงานคัดกรองไข้ทุกวัน และอบรมให้ความรู้ในการปกป้องตัวเองจากความเสี่ยง
“จากการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนวันนี้ หลังพบผู้ป่วยรายใหม่ มาตรการต่างๆ ขยับมาที่ 90% อีกครั้ง จากที่เคยตกไปที่ 80% การเว้นระยะห่างดีขึ้นน่าพอใจ การสวมหน้ากากก็กลับมาในเกณฑ์ 90% ซึ่งต้องย้ำว่ามาตรการเหล่านี้ทำให้ตัวเรา ครอบครัวเรา ปละสังคมเราปลอดภัย” พญ.พรรณพิมล กล่าว
เชียงรายเข้มรถสินค้าเมียนมาอยู่ได้1วัน
ที่ จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ฉบับที่ 22 มีเนื้อหาอนุญาตให้รถตู้ขนสินค้าที่มาจากฝั่งจ.ท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา เดินทางข้ามพรมแดนไทย-เมียนมา ตรงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่2รับสินค้าในอ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้โดยกำหนดระยะเวลาให้อยู่ได้1วันและจำกัดให้รถข้ามมาได้ไม่เกิน 168 คันโดยให้รถมีคนขับและคนติดตามมากับรถไม่เกิน1คน ในคำสั่ง ยังกำหนดให้เปลี่ยนคนขับเป็นคนไทยหรือคนเมียนมาที่พักอาศัยอยู่ในประเทศและไม่เคยกลับเมียนมาเมื่อรถมาถึงด่านพรมแดนฝั่งไทยด้วย จากนั้นเมื่อไปรับสินค้าตามโกดังเก็บต่างๆเฉพาะในอ.แม่สาย จะอยู่ภายใต้การควบคุมของศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค อ.แม่สาย(ศปก.อ.แม่สาย) เมื่อรับสินค้าเสร็จ จะเปลี่ยนเป็นคนขับรายเดิมที่รออยู่ที่ด่านพรมแดนต่อไป
นอกจากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ยังมอบให้สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สายเข้าร่วมคัดกรองและทำความสะอาดรถทุกคันที่มาจากเมียนมา และกำหนดโทษว่าผู้ใดฝ่าฝืนว่าจำคุกเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และคำสั่งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังผู้ว่าฯมีคำสั่งดังกล่าวแล้วมีท่าทีจากการทางท้องถิ่นของเมียนมาว่าเห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าวของไทยและไม่มีข้อขัดข้องแต่อย่างใดขณะที่รถบรรทุกสินค้าจากไทยนั้น ยังคงข้ามไปได้ตามปกติแต่ด่านศุลกากรแม่สายกำหนดให้อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็กได้ไม่เกิน7ชั่วโมงและห้ามค้างคืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี