ล่ามแรงงานไทยรายที่59
เซ่นโควิด-19
ป่วยโคม่ากลับจากซาอุฯ
ตรวจพบปอดถูกทำลาย
ส่งตัวเข้าไอซียูรพ.ราชวิถี
7คนไทยกลับปท.ติดเชื้อ
ไทยพบติดโควิดใหม่เพิ่ม 7 ราย กลับจาก 4 ประเทศ “บังกลาเทศ-ซาอุฯ-กาตาร์-ปากีสถาน” มี 1 รายประวัติเคยติดเชื้อมาก่อน สธ.เผยล่ามแรงงานไทย ประจำซาอุฯป่วยโควิดแต่ตรวจแล้วไม่พบเชื้อถูกส่งตัวกลับมาไทยเข้ารักษาที่ไอซียูรพ.ราชวิถี ต้นกันยายน อาการโคม่า ปอดถูกทำลายจากการติดไวรัสและมาติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาซ้ำประกอบมีโรคประจำตัวเบาหวาน-ความดันรุมเร้า ทำให้เสียชีวิต หลังรักษามานาน 54 วัน ส่วนจะนับเป็นผู้ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตรายที่ 59 ของไทยหรือไม่ รอคณะกก.โรคติดต่อยันอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 18 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด – 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 7 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,497ราย มีผู้ที่หายป่วยและกลับบ้านเพิ่ม 3 ราย ยอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,328 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมยังคงที่58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 111 ราย
ไทยป่วยใหม่7มี1รายเคยติดโควิด
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่มาจากบังกลาเทศ 1 ราย เป็นชายสัญชาติบังกลาเทศ อายุ 42 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงไทยวันที่ 2 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันโรคแบบทางเลือกที่รัฐกำหนดในกทม. และจากการเข้ารับการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 15 กันยายนผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ 2.ผู้ที่มาจากซาอุดีอาระเบีย 4 ราย ประกอบด้วย นักเรียนหญิงไทย 2 ราย อายุ 14 และ 9 ปี ชายไทย 1 ราย อายุ 61 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และชายไทยอีก 1 ราย อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้าง ทั้งหมดมาถึงไทยวันที่ 5 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันของรัฐที่กรุงเทพฯ และจากการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 กันยายนผลตรวจพบเชื้อ โดยพบผู้ป่วยมีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น น้ำมูก แต่กรณีชายไทยอายุ 50 ปี อาชีพรับจ้างนั้น พบว่ามีประวัติติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา 3.ผู้ที่มาจากกาตาร์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 41 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย) เข้าพักสถานกักกันของรัฐในจ.ชลบุรี และเข้ารับการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ 4.ผู้ที่มาจากปากีสถาน 1 ราย เป็นชายสัญชาติปากีสถาน อายุ 10 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 13 กันยายน เข้ารับการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 16 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ
ล่ามแรงงานไทยเสียชีวิตที่ราชวิถี
ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น.วันเดียวกัน มีรายงานล่ามประจำสำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย เสียชีวิตจากโควิด-19 หลังเดินทางกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 2 กันยายน และวันที่ 3 กันยายน ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ผลตรวจพบเชื้อ ซึ่งในเวลา 14.30 น. กระทรวงสาธารณสุขจะแถลงรายละเอียดดังกล่าว
สำหรับล่ามประจำสำนักงานแรงงานในซาอุดีอาระเบีย อายุ 54 ปีที่เสียชีวิตรายล่าสุดนั้น เป็นคนไทยมุสลิม ภูมิลำเนาอยู่ที่จ.ฉะเชิงเทรา มีบุตรชาย 2 คนอยู่ที่กรุงริยาด ก่อนหน้านี้ป่วย เนื่องจากติดเชื้อโควิด–19 และรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูนานกว่า 1 เดือน จนอาการดีขึ้นและแพทย์ระบุว่าตรวจไม่พบเชื้อโควิด–19 แล้ว และกลับมารักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา พบภาพรวมอาการป่วยยังคงทรงตัว ซึ่งล่ามคนดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่ในสำนักงานแรงงานฯ มากว่า 22 ปี มีผลงานวยแรงงานไทยทั้งใน ซาอุดีอาระเบีย คูเวต บาห์เรน เลบานอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีล่ามประจำสำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย ติดเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติหน้าที่ที่ซาอุดีอาระเบียนั้น จากการสอบประวัติพบเข้ารักษาตัวในรพ.กรุงริยาด ต่อมา น.ต.วิทวัส กู้ประเสริฐ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย (กรุงริยาด)ประสานสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด เพื่ออำนวยความสะดวกนำนายหมัดออกจากโรงพยาบาล Ad Diriyah เพื่อเดินทางไปสนามบินนานาชาติ King Khaled และกลับมารักษาตัวที่ไทยด้วยเครื่องบินนำส่งผู้ป่วย Air Ambulance มาถึงสนามบินดอนเมือง วันที่ 2 กันยายนเข้าไปรักษาตัวที่รพ.ราชวิถี
แจงไทม์ไลน์รักษาล่ามแรงงาน
ต่อมาเวลา 14.30 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค นพ.พจน์ อินลาภาพร อายุรแพทย์โรคติดเชื้อรพ.ราชวิถี ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของล่ามประจำสำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย (กรุงริยาด) เสียชีวิต ที่โรงพยาบาลราชวิถีช่วงเที่ยงวันเดียวกัน
โดยนพ.สมศักดิ์กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายไทยอายุ 54 ปี เป็นล่ามของสำนักแรงงานที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เริ่มป่วยตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมตรวจพบโควิด -19 วันที่ 21 กรกฎาคม แต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ต้องกลับมาอยู่บ้าน และได้รับคำแนะนำจากทีมแพทย์ไทยในกรุ๊ปไลน์ จากนั้น วันที่ 26 กรกฎาคมอาการมากขึ้น หายใจไม่ทั่วท้อง มีไข้ไอ จึงไปที่ รพ.King Fahad Medical City นอนรพ.ได้ 4-5 วัน อาการแย่ลงต้องย้ายไปที่ ICU ต้องปั๊มหัวใจวันที่ 10 สิงหาคม และต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
นพ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นผู้ป่วยได้รับการตรวจหาเชื้อซ้ำ 2 ครั้งวันที่ 25 สิงหาคมและวันที่ 30 สิงหาคมแต่ไม่พบเชื้อ สถานทูตและญาติผู้ป่วยจึงประสานนำผู้ป่วยกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในประเทศไทย โดยเครื่องบินพยาบาล (Air Ambulance) พร้อมทีมแพทย์และพยาบาล ออกจากกรุงริยาดวันที่ 1 กันยายน เวลา 20.30 น. เดินทางถึงไทยวันที่ 2 กันยายน เวลา 01.30 น. ทีมแพทย์ศูนย์กู้ชีพนเรนทร รพ.ราชวิถี รับผู้ป่วยมาที่รพ.ราชวิถี วันที่ 3 กันยายน เวลา 08.00 น. ผู้ป่วยหอบเหนื่อยมากขึ้น แพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจและได้ให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียดื้อยาทางหลอดเลือดดำ และเพาะเชื้อแบคทีเรีย รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีอาการทรงๆ ทรุดๆ ระยะหลังก็อาการแย่ลง ก่อนเสียชีวิต
ชงเข้ากก.พันธงตายจากโควิดหรือไม่
นพ.สมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ผลตรวจเชื้อตอนที่อยู่ซาอุฯ 2 ครั้งไม่พบเชื้อ แพทย์จึงไม่ได้ให้ยารักษาโควิด-19 แต่ให้ยารักษาโรคประจำตัวของผู้ป่วย ดังนั้น การเสียชีวิตในรายนี้สาเหตุหลักจริงๆ ทีมแพทย์คุยกันแล้วว่าเป็นการเสียชีวิตจากภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาหลายขนาน แต่ทางระบาดวิทยาเนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาโควิดต่อเนื่องมา จึงต้องรอคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาอีกครั้งว่าจะนับเป็นการเสียชีวิตจากโควิดหรือไม่สัปดาห์หน้า
ปอดอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา
นพ.พจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างผู้ป่วยเข้ารักษาที่รพ.ราชวิถี ประเมินแรกรับผู้ป่วยมีปัญหาปอดอักเสบต่อเนื่องจากโควิด-19 ก่อนส่งตัวมารักษาที่ไทย แม้อาการจะดีขึ้นตามลำดับ แต่ปอดเกิดผังผืดจากโรคโควิด ทำให้การหายใจค่อนข้างลำบาก หลังเข้ารักษาได้ประมาณไม่ถึง 10 ชั่วโมง ก็ต้องใส่ท่อช่วยหายใจอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็พบติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาหลายขนานแทรกซ้อนอยู่ จึงให้ยารักษาต่อเนื่อง นอกจากนี้เนื่องจากผู้ป่วยหยุดหายใจ ต้องปั๊มหัวใจ 1 ครั้งที่ซาอุฯ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบาดเจ็บ รพ.ราชวิถีก็ตรวจพบคลื่นหัวใจมีความผิดปกติ เป็นอุปสรรคต่อการให้ยาต่างๆ โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
มีโรคเบาหวาน-ความดันรุมเร้า
นอกจากนี้ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งจากการติดตามระดับน้ำตาลในเลือดค่อนข้างสวิงระหว่าง 100-140 ทำให้ยุ่งยากในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและผลควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ส่งผลให้การรักษาเมื่อติดเชื้อซ้ำจากแบคทีเรียดื้อยาในรพ.ยุ่งยากขึ้น ทั้งนี้ ทางรพ.ให้ยาปฏิชีวนะ 3 ชนิด แต่ตอบสนองไม่ดี เกิดติดเชื้อในกระแสเลือด จึงต้องให้ยาเพิ่มการควบคุมความดันของเลือด ในสภาพที่ปอดอักเสบต่อเนื่อง ทำให้สภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วยทรุดลงรวดเร็ว ระบบเลือด และระบบการหายใจล้มเหลว และไตวายเรื้อรังที่เป็นผลจากการติดเชื้อ จากปัจจัยที่เป็นผลรวมกันเป็นผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด
ต้องรอ กก.โรคติดต่อยืนยัน
ขณะที่นพ.โสภณกล่าวเสริมว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นลำดับที่ 3,430 สอบสวนโรคติดเชื้อมาตั้งแต่ประเทศซาอุฯประมาณ 1 เดือนเศษก่อนเข้าไทย เดินทางด้วยเครื่องบินการแพทย์ คณะแพทย์ที่ติดตามมาไม่ได้เข้ามาไทย ส่งตัวเสร็จเดินทางกลับทันที ดังนั้น ไม่ถือเป็นมาตรฐานสากล ไม่มีผู้สัมผัสเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้เข้ารักษาในรพ.ต่อเนื่องด้วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 54 วัน แม้จะเปลี่ยนสถานพยาบาล และประเทศที่รักษา แต่ถือว่าอยู่ระหว่างการรักษาครั้งแรกจากเชื้อโควิด-19 ทางระบาดวิทยาเหมือนจะนับเป็นการเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 รายที่ 59 ของไทย แต่ต้องนำเข้าคณะกรรมการภายใต้พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกครั้ง
กต.เสียใจสั่งจนท.ดูแลบุตรอย่างดี
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวกรณีล่ามแรงงานไทยในซาอุดิอาระเบียเสียชีวิต พร้อมเผยว่า ได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ดูแลความเป็นอยู่ของบุตรล่ามคนดังกล่าวอย่างดี และจะอำนวยความสะดวกในการส่งตัวกลับมาอยู่กับมารดาและครอบครัวที่ประเทศไทย นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้ผู้แทนกรมการกงสุลเข้าร่วมประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ที่มัสยิดบุสตานุ้ลอารีฟีน จังหวัดฉะเชิงเทรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี