ผ่านเข้าสู่กาลเวลาของ เดือนตุลาคม เดือนแห่งการถ่ายโอนอำนาจ ตำแหน่งหน้าที่ ของบรรดาข้าราชการ ซึ่งแน่นอนที่สุด ทุกหน่วยงานราชการย่อมก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการทำงานและการบริหารของบรรดาข้าราชการที่แตกต่างกันออกไป
เราลองมาฟัง รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พูดถึง การทำงานในฐานะการเป็นผู้นำ ซึ่งมีจุดที่ยากที่สุดคือ “บริหารคน” โดยเน้นสรุปว่า การบริหารคน ควรวางแนวคิดจาก จิตสำนึก ... และต้องมอง ภาพอนาคตแบบก้าวกระโดด
รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวบรรยายพิเศษ ในการอบรมหลักสูตรพัฒนาข้าราชการครูก่อนแต่งตั้งให้มีและเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ (ระยะที่ 88) หลักสูตรผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ หัวข้อ “อุดมการณ์แห่งวิชาชีพผู้บริหาร” ว่า หลักสูตรผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษนั้น ผู้เข้าอบรมต้องเข้าใจถึงเรื่องระบบงานด้านบริหาร ซึ่งตนได้พัฒนาระบบการทำงานจากคำจำกัดความ 2 สิ่ง คือ การเป็นผู้บริหาร และการเป็นผู้นำ ซึ่งคำสองคำนี้อาจดูคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ให้คำจำกัดความ อธิการบดี ว่า เป็นผู้นำ และคณบดี ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ เป็นผู้บริหาร มีหน้าที่ทำงานตามนโยบายของอธิการบดี ดังนั้นผู้บริหารที่ดี ควรมีคุณสมบัติการเป็น“ผู้นำ” เพราะการทำงานที่ยากที่สุดคือ การบริหารคน จะทำอย่างไรให้คนทำงานทำตามสิ่งที่เรามอบหมาย?และจะทำอย่างไรให้คนทำงานเหล่านั้น ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพราะความศรัทธาและความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้นได้ หากเรามีผู้นำที่ดี
รศ.ดร.ศิโรจน์ กล่าวต่อว่าผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการของโรงเรียนจะอยู่ในส่วนของการเป็นผู้บริหาร สิ่งที่ควรตระหนักในการบริหารโรงเรียนให้เกิดการพัฒนาและอยู่รอด ต้องมีพื้นฐานความคิดมาจาก จิตสำนึก การมีจิตสำนึกที่ดีจะสามารถคิดและพัฒนาโรงเรียน พัฒนานักเรียนให้เป็นคนเก่ง และถูกการยอมรับจากสังคม ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาควรคิดพัฒนาให้ได้จาก จิตสำนึก และ จิตใต้สำนึกเพราะเมื่อนำแนวคิดมารวมกันจะเกิดเป็นจินตนาการ ซึ่งการทำงานจากจินตนาการ ก็คือ การทำงานบนพื้นฐานของความทรงจำเดิมที่มีมาตรฐานของคุณงาม ความดี แต่ถ้าหากเราผสมเข้ากับข้อมูลสมัยใหม่ จะส่งผลให้เป็น อุดมคติ และก่อเกิดเป็น อุดมการณ์ ซึ่งการทำงานจากอุดมการณ์ จะเกิดเป็นรูปธรรมได้ ผู้บริหารต้องรีบลงมือปฏิบัติ
รศ.ดร.ศิโรจน์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่า อุดมการณ์ของผู้บริหารยุคใหม่ ไม่ค่อยถูกเขียนไว้ เนื่องจากการไหลของข้อมูลข่าวสารที่มีความรวดเร็ว (Disruption) ทำให้ผู้บริหารปรับตัวตามไม่ทัน จึงปรับเปลี่ยนมาเป็น วิสัยทัศน์ ซึ่งการแสดงวิสัยทัศน์นั้นต้องถูกการวิเคราะห์มาจากข้อมูลจำนวนมาก และผู้บริหารที่ดีจำเป็นต้องมอง ภาพอนาคต แบบก้าวกระโดดด้วย เพื่อให้วางระบบการทำงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสั่งสม บารมี จากการยึดหลักการทำงานที่ใช้อิทธิบาท 4 และพรหมวิหาร 4 จึงฝากให้ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ ลองนำแนวคิดไปทบทวน หมั่นฝึกฝนและเรียนรู้ให้มากกล้าที่จะคิด และกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ เมื่อตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้ว ควรทำให้ดีที่สุด อย่ากังวล เพราะเป้าหมายจะสำเร็จได้ ถ้าเราลงมือปฏิบัติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี