สทป. ผ่านการรับรองจัดตั้งศูนย์ฝึกระบบอากาศยานไร้คนขับ
ศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DefenceTechnology Institute Unmanned Aircraft Systems Training Centre: DTI-UTC) ผ่านการรับรองจากสถาบันฝึกอบรมด้านการบินApproved Training Organization (ATO) ตามประกาศข้อบังคับของสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกระบบอากาศยานไร้คนขับ ตามมาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศและเป็นหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนเพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนาบุคลากรของกระทรวงกลาโหม หน่วยงานความมั่นคง และบุคคลทั่วไป รวมทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของการใช้งานระบบอากาศยานไร้คนขับภายในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมาสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป.ได้เข้าสู่กระบวนการขอรับรองการเป็นสถาบันฝึกอบรมด้านการบินระบบอากาศยานไร้คนขับจากสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)ปัจจุบันศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ DTI-UTC ได้ผ่านขั้นตอนการรับรองจากสถาบันฝึกอบรมด้านการบินCertificate of Training Organization Approval ตามประกาศข้อบังคับของ CAAT และได้รับใบประกาศนียบัตร (Certificate) รับรองการเป็นสถาบันฝึกอบรมด้านการบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 พร้อมการรับรองหลักสูตรฝึกอบรมนักบินระบบอากาศยานไร้คนขับ จํานวน 2 หลักสูตร ด้วยกัน ได้แก่
1.Remote Pilot Licence (RPL) ภาคทฤษฏี ภาคการฝึกจำลอง Simulator และภาคอากาศ ทั้งแบบ Aeroplaneและแบบ Multi Rotor ตามหลักสูตรนักบินอากาศยานไร้คนขับที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ให้แก่กำลังพลของเหล่าทัพ หน่วยงานพลเรือน ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป
2. Instructor Remote Pilot Licence (IRPL)หลักสูตรครูการบินระบบอากาศยาน ไร้คนขับ (Instructor Remote Pilot Licence) รวมถึงการดำเนินการภารกิจด้านการศึกษา รวบรวมข้อมูล สร้างเครือข่ายการวิจัยและพัฒนา ด้านการฝึกอบรม และการใช้งาน พร้อมทั้งให้ความรู้ บริการ ส่งเสริม สนับสนุน ทดสอบ ซ่อมบำรุง และบูรณาการความร่วมมือในด้านวิจัยและพัฒนา และการประยุกต์ใช้งานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายใน และภายนอกประเทศ มีส่วนร่วมในการพัฒนามาตรฐานด้านการบินระบบอากาศยานไร้คนขับให้กับประเทศ และมิตรประเทศในภูมิภาคอาเซียน
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จึงได้กำหนดจัดพิธีรับมอบใบรับรองจากสถาบันฝึกอบรมด้านการบิน Certificate of Training Organization Approval ตามประกาศข้อบังคับของ CAAT และได้รับใบประกาศนียบัตร (Certificate)รับรองการเป็นสถาบันฝึกอบรมด้านการบินจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยขึ้นในวันที่ 24 กันยายน 2563โดยมี พล.อ.พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ประธานในพิธี และ พล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ให้เกียรติรับมอบใบรับรองสถาบันฝึกอบรมด้านการบิน จาก ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม
การจัดพิธีสำคัญในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเข้าร่วมแสดงความยินดีกับคณะผู้บริหาร ที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศจากจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เจริญเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
พล.อ.พอพล มณีรินทร์ ประธาน สทป. กล่าวว่า ศูนย์ฝึกฯ แห่งนี้ ได้การรับรองสถาบันฝึกอบรมด้านการบินจาก CAAT เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นศูนย์ฝึกฯ ตามมาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศและหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน สทป. ซึ่งมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านนโยบาย โครงสร้างองค์กร สถานที่ หลักสูตรการฝึกอบรม สิ่งอำนวยความสะดวก การจัดสรรงบประมาณ และการสรรหาบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการฝึกอบรมการบินระบบอากาศยานไร้คนขับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานการบินด้าน Safety Management System และ Quality Assurance จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการเป็นศูนย์กลางบูรณาการด้านการฝึกอบรมบุคลากรผู้ใช้งานระบบอากาศยานไร้คนขับตามมาตรฐานสากลของประเทศไทยได้
พล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการ สทป. กล่าวว่า สทป.ได้กําหนดแผนการดําเนินงานจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับตามมาตรฐานสากล ด้วยกลยุทธ์ Solution Provider ที่เน้นการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานด้วยนวัตกรรม หรือการตอบสนองลูกค้าด้วยการสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่า (Cutting Edge) ไม่ใช่เพียงแค่การฝึกให้บุคลากรใช้งานอากาศยานไร้คนขับเพื่อถ่ายภาพทั่วไปเท่านั้น แต่จะมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้วย กระบวนการ Competency Based Training โดยให้มีความรู้ (Head) ควบคู่ไปกับความชํานาญ (Hand) และทัศนคติที่ถูกต้อง (Heart) เพื่อให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมมีขีดความสามารถในการใช้งานระบบอากาศยานไร้คนขับที่เหมาะสมตามภารกิจและวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ระบุว่า การผ่านการรับรองของศูนย์ฝึกระบบอากาศยานไร้คนขับ(DTI-UTC) ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จของศูนย์ฝึกฯ เท่านั้น แต่ถือได้ว่าเป็นใบเบิกทางให้แก่ผู้ที่ต้องการเป็นผู้บังคับโดรนมืออาชีพ หรือนำไปสู่การบินโดรนในเชิงพาณิชย์ โดยศูนย์ฝึกฯ จะฝึกอย่างเข้มข้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติรวมถึงมีการจัดสอบในอนาคต ผู้ผ่านการทดสอบจะสามารถขอรับใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันกับนักบินพาณิชย์ประเภทอื่น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตนักบินโดรนที่มีคุณภาพสูง มีความเชี่ยวชาญทัดเทียมนานาประเทศ และยังจะมีโอกาสสร้างการเติบโตให้แก่อุตสาหกรรมการบินโดยใช้โดรน เช่น รับจ้างถ่ายภาพ พ่นยา ตรวจสอบพื้นที่ หรือสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงช่วยสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยว่าโดรนจะไม่สร้างปัญหาให้แก่อากาศยานหรือบุคคลอื่น
ศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ DTI-UTC ขอเชิญชวนให้ท่านที่ใช้งานอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ตระหนักถึงการสร้างมาตรฐานการบินอย่างปลอดภัยและร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ เข้ารับการฝึกอบรมนักบินโดรนตามหลักสูตรที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลซึ่งคาดว่าจะเปิดรับสมัครในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้ และเริ่มเปิดการฝึกอบรมได้ในเดือนมีนาคม2564
ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.dti.or.th และfacebookfanpage : Defence Technology Institute โดยการดำเนินงานจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมระบบอากาศยานไร้คนขับที่กล่าวมาข้างต้นนั้นสอดคล้องและบรรลุซึ่งวิสัยทัศน์ของ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ คือ “เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศในภูมิภาค ตอบสนองความต้องการของกองทัพไทย และพันธมิตรอาเซียน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี